The Emperor : ราชาและรากฐาน

The Emperor เป็นไพ่หมายเลข 4 ของสำรับไพ่ Tarot โดยทั่วๆไปแล้วจะหมายถึงอำนาจ การปกครอง หากเป็นเรื่องบุคคลก็จะเป็นคนที่ทรงอำนาจ มีบทบาทและมีอำนาจในการตัดสินใจหรือควบคุมในสิ่งต่างๆได้ ถ้าเป็นอาชีพคงหนีไม่พ้นทหาร ตำรวจ หรือหัวหน้างาน จนถึงเจ้าของบริษัท

สัญลักษณ์ต่างๆบนไพ่ต่างส่งเสริมความหมายในเรื่องประวบการณ์และอำนาจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเคราที่ยาวแสดงถึงประสบการณ์ ลูกโลกและไม้เท้าที่แสดงถึงอำนาจต่างๆที่อยู่ในมือ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แว่บเข้ามาในหัวและค่อนข้างน่าสนใจนั่นคือ ความหมายของหมายเลข 4

หมายเลข 4 โดยปกติจะเป็นเลขของรากฐาน ความมั่นคง โดยเฉพาะหากเราจินตนาการถึง 4 เหลี่ยม หรือรูปทรง 4 เหลี่ยม เราก็จะรู้สึกถึงความมั่งคงมากขึ้น เวลาเราต้องการที่จะสร้างอะไรก็ตาม การใช้รูปทรง 4 เหลี่ยมน่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆคนชอบใช้ อาจจะเป็นเพราะมันสามารถต่อ เสริม ตกแต่งเพิ่มเติมขึ้นไปได้ง่ายกว่ารูปทรงอื่นๆ

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับราชาผู้มากประสบการณ์คนนี้ล่ะ

p_20180418_204501_1-423437094.jpg

ราชาที่สามารถสร้างเมือง ปกครองเมืองได้อย่างยาวนาน ย่อมจะต้องมีรากฐานที่มั่นคงแข็งแรง ใช้รูปทรงที่ดูมั่งคง หากรากฐานที่สำคัญดันใช้รูปทรงแปลก เช่น ปิรามิด หรือ ทรงกลม การที่จะต่อยอด หรือให้ผู้อื่นมา สร้างต่อนั้นคงเป็นไปได้ยาก รากฐานเหล่านั้นอาจจะเป็นความน่าเชื่อถือ อำนาจที่อยู่ในมือ หรือแม้แต่ทรัพย์สิน

แต่เรา คนตัวเล็กๆอย่าเราที่ไม่ต้องไปปกครองใคร เราจะให้ไพ่ใบนี้สอนอะไรเราได้บ้าง

คำแนะนำทั่วๆไปอาจจะเป็น ให้ใช้อำนาจที่มี ใช้ประสบการณ์ให้เต็มที่ในการแก้ปัญหา แต่ผมเห็นอีกมุมมองนึงนั่งคือรากฐาน

การจะทำอะไรก็แล้วแต่เพื่อเป้าหมายในระยะยาวแล้ว รากฐานเราต้องดี เพื่อที่จะสามารถต่อยอดไปได้ไม่รู้จบ บางครั้งเรื่องบางเรื่องเราคิดว่าเรารู้อยู่แล้ว จึงไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก มันคือการละเลยการสร้างรากฐานที่ดี เหมือนเอาลูกแก้วไปปูพื้นบ้าน มันก็ใช้ได้ แต่จะสร้าง หรือว่าอะไรบนมันได้อีกล่ะ

การทบทวน และปรับพื้นฐานบ่อยๆก็เป็นสิ่งสำคัญ เหมือนการอัดดินที่ปูไว้อยู่ให้แน่นยิ่งขึ้น แต่หากเราละเลยไม่สนใจมัน ก็ไม่ต่างอะไรกับดินแห้งจนเป็นโพรงเหมือนใต้ฟุทบาทข้างถนน

เพราะฉะนั้นเมื่อไพ่ใบนี้ปรากฎขึ้นมา ก่อนที่เราจะใช้อำนาจใดๆในมือไปแก้ปัญหา ลองสำรวจตัวเองก่อนว่าฐานของภูเขาที่เรานั่งอยู่นั้น มันแน่นแค่ไหน

The Empress : เรื่องราวของแม่และลูก (มะม่วง)

ทุกปีบ้านมะม่วงที่หลังบ้านผมจะออกลูกมาทุกปี และไม่ว่าจะปีไหนๆผู้ที่ดูแลการออกดอกออกผลของมันก็คือแม่ของผมเอง แม่ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อไปรดน้ำต้นไม้ พอเริ่มออกผลก็คอยแต่งกิ่ง แต่งก้านเพื่อให้ผลมะม่วงที่กำลังเติบโตนั้นเป็นผลที่ใหญ่และน่ากินที่สุด บางกิ่งที่ลูกเยอะจนทำให้กิ่งโน้มลงมา แม่ของผมก็ยังอุส่าห์ ปีนขึ้นต้นไม้เพื่อใช้เชือกรั้งกิ่งพวกนั้นเอาไว้ เป็นภาพที่แสดงถึงการเอาใจใส่และถนุถนอมได้เป็นอย่างดี

แต่อีกมุมหนึ่งที่ใครอาจจะไม่ได้เห็น หรือไม่ได้รู้นั่นคือ แม่หวงมะม่วงเหล่านั้นมาก เวลาจะแบ่งใครต้องคิดแล้วคิดอีก ต้องเลือกลูกสวยๆ เก็บไว้ เป็นเหตุให้ไม่ค่อยมีใครแถวบ้านได้กิน และมีมะม่วงเหลือค้างอยู่ในตะกร้าในครัวเป็นสิบๆลูก

พอเห็นสิ่งที่แม่ทำกับมะม่วงแล้วทำให้คือถึงไพ่ใบที่ 3 ของไพ่ Tarot : The Empress

The Empress เป็นไพ่หมายเลข 3 ซึ่งเลข 3 โดยส่วนใหญ่จะหมายถึงการสร้าง การผลิต หรือแม้แต่การให้กำเนิด และบวกกับหน้าไพ่ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และความอ่อนโยนของคนใบภาพ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไพ่ใบนี้สามารถแสดงถึงความเป็นแม่ผู้มีความรัก ความเอาใจใส่ เสียสละและเป็นผู้ให้จริงๆ

แต่ไพ่ทุกใบย่อมมีสองด้าน ไพ่ใบนี้ที่ดูดีแต่ก็มีอีกด้านเช่นเดียวกัน (เหมือนแม่ของผม)

ไพ่ใบนี้ Golden Dawn ได้กำหนดให้พระจันทร์มีความสัมพันธ์กับดาวศุกร์ ในด้านดีนั้น อาจจะหมายถึงความสวยงาม ความกลมกลืน อะไรๆก็ดูดีไปหมด แต่อีกด้านหนึ่งนั้นกลับเป็นความลุ่มหลงในวัตถุที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมา ความรักของ The Empress ถ้ามีมากไปจะกลายเป็นความรักที่ต้องการจะครอบครอง รักมากจนเกินไป จนบางครั้งอาจจะมีผลกระทบกับผู้อื่น

การที่เรารักและเอาใจใส่ บางครั้งก็หวงแหนกับสิ่งที่เราสร้างขึ้นมากับมือ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรมดา แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราแบ่งผลงานของเราให้คนอื่นได้ชื่นชมบ้าง ดีไม่ดีเราอาจจะได้รู้ว่า คนเหล่านั้นก็รักและชื่นชมในตัวผลงานของเราหรือแม้แต่ตัวเราด้วยเช่นกัน

จะดีกว่าไหมถ้าสิ่งที่เราทำได้รับความรักจากคนอื่นด้วย แทนที่เราจะชื่นชมมันอยู่คนเดียว

ว่าไปแล้วก็แอบไปสอยมะม่วงไปแจกให้เพื่อนบ้านดีกว่า…

High Priestess : เรื่องราวหลังผ้าม่าน

พระจันทร์มีเรื่องที่แปลกและน่าสงสัยอยู่หลายเรื่อง แต่ทุกเรื่องก็ล้วนแต่น่าสนมจและน่าค้นหา บางครั้งพระจันทร์ไม่ได้แค่ทำหน้าที่ส่องสว่างยามค่ำคืน หรือแค่ทำให้น้ำขึ้นน้ำลงเพียงอย่างเดียว บางครั้งพระจันทร์ก็ได้ให้แนวคิดอะไรแปลกๆกับเราได้เหมือนกัน

สิ่งที่น่าแปลกอย่างหนึ่งของพระจันทร์คือ พระจันทร์ไม่เคยหันอีกด้านหนึ่งของมันให้โลกเราเห็นเลย ตลอดเวลาที่พระจันทร์ส่องแสง (หรือจะเรียกว่าสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์) เราจะเห็นลวดลายคล้ายกระต่ายอยู่เสมอ ไม่ว่ากี่เดือนกี่ปี ก็ยังเป็นเหมือนเดิม เหมือนกันว่ามันจงใจที่จะแสดงให้เห็นเพียงด้านหน้า และพยายามที่จะแอบซ่อนอะไรซักอย่างที่อยู่เบื้องหลังของมัน แน่นอนว่ามีใครหลายต่อหลายคนจินตนาการไปว่ามีอาณานิคมซ่อนอยู่เบื้องหลังของพระจันทร์

https://en.wikipedia.org/wiki/Moon

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชาวโลกได้มีโอกาสสำรวจดาวที่น่าสงสัยนี้ได้ดียิ่งขึ้น จนได้รับรู้ว่า ไม่มีอาณานิคม หรือความลึกลับใดๆที่อีกด้านหนึ่งของพระจันทร์ นอกจากพื้นที่ที่ว่างเปล่าและไร้ลวดลายใดๆ

ด้านหลังของพระจันทร์

ไพ่ High Priestess ก็เช่นกัน Golden Dawn ได้กำหนดให้พระจันทร์มีความสัมพันธ์กับไพ่ใบนี้ หากเราพิจารณาที่หน้าไพ่ใบนี้ดีๆเราจะเห็นว่ามีความสอดคล้องกันระหว่างพระจันทร์กับหน้าไพ่ นั่นคือผู้หญิงที่อยู่หน้าไพ่นั้น นั่งอยู่บริเวณหน้าผ้าม่านที่ดูเหมือนพยายามปิดบังอะไรอยู่เบื้องหลัง เหมือนกับพระจันทร์ ที่พยายามแสดง หรือเผยให้เห็นเพียงที่อยากให้เห็นเท่านั้น ยังคงมีความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายใน

p_20180228_100346_1_1432341925.jpg
ใครจะรู้ว่า เบื้องหลังนั่นจะมีอะไรซ่อนอยู่ บางคนอาจจะนึกถึงขุนทรัพย์ องค์ความรู้ หรืออาจจะเป็นกุญแจสำคัญต่างๆที่สามารถตอบคำถามต่างๆในจักรวาลนี้ได้

แต่บางครั้งก็อาจจะไม่มีอะไรซ่อนอยู่เลยเช่นกัน…

ดังนั้น เมื่อไพ่ใบนี้ปรากฎขึ้น มันอาจจะหมายถึงความลึกลับ เป็นปริศนา อาจจะมีความไม่ชัดเจน ไม่แน่นอนเกิดขึ้น หากเป็นเรื่องงาน ทุกอย่างอาจจะดูนิ่ง แต่รู้สึกเหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่ ถ้าเป็นเรื่องความรัก มันอาจจะไม่ชัดเจน จนแอบสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ความสงสัยในความไม่ชัดเจนเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกอ่อนไหวทางอารมณ์ รู้สึกไม่มั่นคง เหมือนที่พระจันทร์ทำให้น้ำบนโลกขยับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้น สิ่งที่เราควรทำไม่ใช่การคาดเดา หรือคาดหวังสิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสงสัยเหล่านั้น แต่เป็นการตั้งสติ ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ถูกควบคุมโดยความไม่ชัดเจน และเตรียมพร้อมรับมือกับความจริงที่จะแสดงออกมาได้ตลอดเวลา (ไม่ว่ามันจะเป็นไปตามที่คาดหวังหรือไม่ก็ตาม)

สุดท้าย มันอาจจะไม่มีอะไรซ่อนอยู่ในหลังม่านเลยก็ได้ ในกอไผ่ก็เช่นกัน

bamboo-forest-1245966_1280.jpg

The Magician – จงกล้าที่จะทำให้(ดู)เก่ง

นักมายากลมักสร้างเหตุการณ์อะไรให้ประหลาดใจได้เสมอ บางครั้งก็เสกของออกมาจากความว่างเปล่า บางครั้งก็ทำให้ของหายไป ราวกับว่าเขาสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ตั้งแต่วัตถุเล็กๆ จนถึงความคิด จิตใจผู้ชม

การเป็นนักมายากลที่เก่งกาจจนดูเหมือนมีเวทมนต์ไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่แต่เทคนิคที่ใช้กับวัตถุเท่านั้น นักมายากลต้องมีเทคนิคในการควบคุมจิตใจของผู้คนด้วยเช่นกัน

หากพิจารณาจากไพ่แล้ว เราจะเห็นได้ว่า Magician ของเราได้ยืนอยู่ต่อหน้าไม้เท้า ดาบ ถ้วย และเหรียญ ซึ่งหมายถึงการควบคุมธาตุทั้งสี่ แต่ถ้าจะให้ชัดกว่านั้น เขาสามารถคุมจิต ความคิด อารมณ์ และวัตถุได้อย่างดีเยี่ยม

27781903_10214156001109399_480870347_n

เพราะฉะนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า Magician แสดงถึงผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และชอบแสดงออกมาให้ทุกคนได้รับชมกัน เป็นพวกแถวหน้ากล้าคิดกล้าแสดงออก แบบโดดเด่นซะด้วย

แต่อย่างที่เรารู้ นักมายากล ไม่ได้มีเวทมนต์ แต่เขาแสดงให้เห็นว่าเขามี จึงทำให้บางครั้ง Magician ได้ความหมายที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และค่อนข้างขึ้นชื่อว่าเป็นจอมลวงโลก นั่นก็เป็นความหมายเชิงลบแบบสุดโต่งสุดๆ (ถ้ามีไพ่ 7 ดาบ กับ Devil ล่ะก็ใช่เลย)

ดังนั้นเวลาไพ่ Magician ขึ้นมาแนะนำอะไรซักอย่าง คงต้องบอกว่า จงแสดงความสามารถให้คนอื่นได้เห็น ว่าเราเก่งแค่ไหน (ไม่ก็ จงแสดงความสามารถให้คนอื่นได้เชื่อ ว่าเราดูเก่งแค่ไหน)

The Fool ผู้เป็น 0

**** หมายเหตุ : ส่วนใหญ่ในบทความนี้เป็นความเห็นของผู้เขียน หากจะนำไปอ้างอิงควรตรวจสอบกับแหล่งอื่นๆเพิ่มเติมนะครับ ****

The Fool ไพ่ใบแรกสุด (หากอ้างอิงตามระบบของ Rider Waite Smite) หมายเลขที่จัดให้แก่ไพ่ใบนี้คือหมายเลข 0 ถ้าแปลง่ายๆคือ ไม่มีอะไร และว่างเปล่า

โดยปกติแล้วไพ่ The Fool หงายขึ้นมาก็จะมีความหมายหลายๆอย่างพุ่งเข้ามาในหัวเช่น กล้าที่จะเริ่ม ไม่ระมัดระวัง เอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งตามหน้าไพ่ก็แสดงออกถึงอาการแบบนั้นจริงๆ (ใครบ้างที่ยืนอยู่หน้าผาแล้วยังไม่หยุดเดิน)

Screenshot_20170715-222052

แต่พอได้ศึกษาไพ่ไปซักพักก็เริ่มคิดอะไรได้อีกหลายๆอย่างเกี่ยวกับไพ่ใบนี้

เริ่มจากที่เลข 0 ก่อนละกัน

เลข 0 คืออะไร อาจจะไม่ต้องยกเอาความหมายเชิงคณิตศาสตร์มาอ้างอิงก็คงรู้ว่าเลข 0 คือ ไม่มีอะไร ไม่มีค่า ว่างเปล่า ถ้าเทียบเป็นของก็อาจจะเป็นกล่องเปล่า กระดาษเปล่า หรือแก้วเปล่า อะไรก็ตามแต่ที่ดูแล้วว่างๆโล่งๆ ไม่มีวัตถุใดๆให้เราเห็น ลักษณะของ The Fool ก็คล้ายๆ นั้นคือ ไม่มีอะไรเลยที่จับต้องได้ ไม่มีความเป็นตัวตน ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความคิด ไม่มีอะไรเลย….

ไม่มีความเป็นตัวตน

The Fool เป็นอะไรที่ล่องลอยมาก ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร อยากเป็นอะไร ไม่มีแรงบันดาลใจหรือเป้าหมายใดๆเลย ล่องลอยร่อนเร่ไปเรื่อยๆเหมือนในภาพ

ไม่มีความรู้สึกใดๆ

The Fool ไม่ค่อยสนใจใคร อาจจะเป็นเพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะสนใจไปทำไม จึงไม่ค่อยมีความรู้สึกร่วมกันใครๆเท่าไหร่ ความรู้สึกจึงค่อนข้างว่างเปล่า

ไม่มีความคิดใดๆ

The Fool แทบจะไม่ค่อยคิดเรื่องอะไร ไม่ว่าสิ่งนั้นควรเป็นสิ่งที่ต้องคิดหรือไม่ ไม่คิดแม้ว่าตัวเองจะตกอยู่ในอันตรายหรือความเสี่ยงหรือเปล่า

ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

แม้แต่ด้านทรัพย์สินของ The Fool เองก็แทบจะไม่มีอะไรเหมือนกัน พอดูๆไปแล้วช่างเป็นคนที่ ไม่มีอะไรเลย ตั้งแต่ระดับวิญญาณจนทรัพน์สิน ช่างเป็นคนที่ว่างเปล่าจริงๆ

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

แต่ถึงแม้ว่า The Fool จะ 0 สนิท ชนิดว่า มีอะไรในชีวิตบ้างไหม (555555+) แต่พอลองนึกถึงเลข 0 อีกครั้ง ถ้าเรายังพอจำได้ เลข 0 จะมีสิ่งที่พิเศษกว่าเลขอื่นๆตรงที่ว่า ไม่ว่ามีอะไรมาบวกกับมัน จะได้ค่าเดิมเสมอ เช่น 1+0=1 หรือเมื่อเราเอาของซักสิ่งหนึ่งไปวางในที่ที่ว่างเปล่า จากที่ไม่มีอะไรเลยก็จะมีสิ่งของหรือตัวตนขึ้นมา

เพราะฉะนั้นนอกจากเราจะตีความ The Fool ว่าเป็นคนที่ไม่มีอะไรเลย เรายังสามารถตีความได้ว่า เป็นคนที่พร้อมที่จะเป็น พร้องที่จะรู้สึก พร้อมที่จะคิด และพร้อมที่จะมีได้ทุกอย่าง เพราะเขาเริ่มจากที่ไม่มีอะไรเลย ดังนั้นเวลา The Fool ได้รับอะไรมา เขาจะป็นสิ่งนั้นทันทีโดยไม่มีอคติในๆเข้ามาปน เช่น ถ้าเราบอก The Fool ว่าเป็นคนดี เขาก็จะคิดว่าเขาเป็นคนดีจริงๆ

แต่ความพร้อมในการเป็นสิ่งใดๆของ The Fool ไม่ใช่ว่าเขามีทุกอย่าง แต่เพราะเขาไม่มีอะไรเลยซักอย่าง เขาจึงรับได้หมด (ไม่มีแม้แต่ความคิดว่าสิ่งที่รับมามันจะดีหรือแย่ 55555)

หากเปิดไพ่มาเจอ The Fool แล้วจะทำยังไง ไพ่ใบนี้สามารถทำได้ทั้งแนะนำและเตือนในเวลาเดียวกัน ไพ่อาจจะแนะให้อย่าคิดอะไรมากมาย ทำตัวว่างๆ ปล่อยวางซะบ้าง หรือเตือนว่าตอนนี้เราละเลย ประมาทมากเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านความคิด อารมณ์ แม้แต่เรื่องเงิน

สรุปแล้ว The Fool เป็นคนโง่หรือเปล่า ก็อาจจะไม่ หรือจะเป็นคนบ้า ก็ไม่แน่ แต่ที่แน่ๆคือ เขาไม่เป็นอะไรเลย แม้กระทั่งตัวของตัวเอง มันเป็นไพ่ที่ไม่ได้แย่นัก แต่ก็ไม่ได้ดีจนน่าทำตาม

จริงๆมีอะไรในหัวเกี่ยวกับ The Fool อีกเยอะ โดยเฉพาะเรื่องที่อ่านมาจากหนังสือของ Waite และ Golden Dawn ถ้านึกได้จะมาต่อ Part 2 ละกันนะ