เมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเข้า สัมมนาไพ่ทาโรต์ภาคพยากรณ์สู่ระดับมืออาชีพ รุ่นที่ 2 ที่จัดโดย ชมรมไพ่ทาโรต์และฮวงจุ้ย (ZTAROT) โดยผู้สอนคือ อาจารย์พรหมพจน์ วิบูลเตโชกิตติ์ (ซินแสซี)
โดยรวมของการสัมมนาในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดมุมมองอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับไพ่ Tarot โดยเฉพาะเรื่อง Numerology และความหมายต่างๆในเฉิงลึกของไพ่แต่ละใบ โดยการเขียนครั้งนี้ อาจจะต้องแยกเป็นหลายตอนหน่อย เพราะมีเรื่องที่น่าสนใจเยอะทีเดียว
เริ่มต้นด้วยการอธิบายความโครงสร้างของไพ่และตัวเลขแต่ละตัว ตั้งแต่ 0-9 ของไพ่ Major กันก่อนละกัน
สิ่งที่น่าสนใจในหัวข้อนี้คือ
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 0
- นอกจาก Fool แล้ว ยังรวมถึง Wheel และ Judgement อีกด้วย ซึ่งหมายถึงการไม่มีอะไร การเริ่มใหม่ และการสิ้นสุด ซึ่งทั้งหมดนี้ ลงท้ายด้วย 0
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 1
- กล่าวถึงการเริ่มต้น ซึ่งที่น่าสงสัยคือ ไม่เคยคิดเลยว่า Magician หมายถึงการเริ่มต้น เพราะปกติจะคิดถึงคนที่มีความสามารถ ชอบแสดงออก จะว่าเป็นเพราะดาวพุธก็ไม่น่าจะใช่ เรื่องนี้คงต้องไปลองศึกษาเพิ่มดู
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 2
- เป็นเลขแห่งพันธะ ซึ่ง Justice และ Judgement ต่างก็มีพันธะในเรื่องของผมของการกระทำ
- แต่
ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับพันธะอย่างไร และไพ่ใบนี้เป็นไพ่ที่มีปัญหามากเวลาทาย คือแปลไม่ถูก มักจะอ้างอิงกับคนที่เป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ แต่อาจารย์ได้ให้หลักการไว้ประมาณว่า เป็นความลับ ความไม่รู้ สิ่งที่ปิดบัง มีสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ พูดง่ายๆคือถ้าเจอไพ่ใบนี้แปลว่า ยังอาจจะหาคำตอบไม่ได้ หรือมีความลับซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นหลักการที่ทำให้เข้าใจอะไรขึ้นเยอะเลย
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 3
- คือการวิวัฒนาการ ถ้ามอง Empress กับ World ก็ง่ายหน่อยเพราะมันเห็นภาพ แต่อย่าง Hangman (เบอร์ 12) ได้ให้หลักการไว้ว่าเป็นเรื่องสมมติ เรื่องไม่จริง เรื่องมโน เพราะได้รับผลมาจากดาวเนปจูน จะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาการ หรือความสำเร็จได้ยังไงนะ หรือว่าจะเป็นการทรมาน หรือทำร้ายตนเองด้วยความคิด จนเข้าใจในสิ่งต่างๆ เหมือนการบำเพ็ญทุกรกิริยา
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 4
- ความมั่นคงและแน่นอน ซึ่งทั้ง Emperor แล้ว ยังมี Death รู้สึกได้แบบนั้น เป็นแนวคิดที่รู้สึกทำให้เข้าใจไพ่มากขึ้น
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 5
- อันนี้ตามตำราหมายถึงการดำรงอยู่ทางสายกลาง
- อืมมม… Temperance (เบอร์ 14) โดยปกติเราจะคิดว่ามันคือการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้พบในสิ่งที่ดีกว่า ใหม่กว่า แต่เพราะเป็นไพ่ที่มีโครงสร้างที่เดียวกับ Hierophant ความหมายจึงต้องคล้ายๆกัน คือการเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่สมดุล หรือจนกว่าจะเข้ากันได้ (สายกลาง) อีกครั้ง
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 6
- Lover กับ Devil ซึ่งน่าประหลาดใจมากที่ไพ่ 2 ใบนี้อยู่ในโครงสร้างเลขเดียวกัน ซึงกล่าวถึงความชอบและความลุ่มหลงได้เหมือนกัน
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 7
- Chariot และ Tower มีพลังถึงความเคลื่อนไหว การที่ต้องต่อสู้เพื่อความมั่นคง ซึ่งทั้งสองใบเป็นอะไรที่สามารถสื่อในทางเดียวกันได้ แม้ว่ามันจะเป็นไพ่จากราศีกรกฎ และ ดาวอังคารก็ตาม (ทั้งสองไม่น่าเข้ากันได้ในแง่ของความหมายและธาตุ)
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 8
- เป็นการแผ่ขยายให้ยิ่งใหญ่ ซึ่งยิ่งดูก็ค่อนข้างสับสน ในส่วนของ Strength อาจจะเป็นการขยายความสำเร็จในใจที่สามารถควบคุมสิ่งรอบข้าง หรือสิ่งที่กลัวได้ ส่วน Star คือมีความหวัง (แล้วมันแผ่ขยายยังไงนะ) ซึ่งตรงนี้คงต้องศึกษาตำราอื่นๆเพิ่มเติม
- ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 9
- เป็นความเสื่อมสภาพ และความเดียวดาย ซึ่ง Moon ค่อนข้างชัด แต่ถ้าให้ Hermit แสดงถึงความแก่ ความชรา ความหมดแรง ก็อาจจะขัดจากที่ศีกษามาว่า Hermit คือผู้ที่เรียนรู้จนแตกฉาน รู้ถึงแก่นแล้วถึงจุดยอดของศาสตร์นั้น และที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้น คือไม่สุงสิงกับใคร แต่เป็นการรอให้คนอื่นเข้ามาหามาเข้าใจมากกว่า ซึ่งเป็นอีกความหมายนึงที่น่าสนใจ
สำหรับใน Part 1 ก็คงจะประมาณนี้ ใน Part ถัดไปจะเป็นในส่วนของ Minor และ Court Card และอาจจะมี Part สุดท้ายเพื่อสรุปอีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ลองติดตามกันดูนะครับ