Spread : My First Spread

เมื่อก่อน (จริงก็ไม่ได้นานนักหรอกครับ) เวลาจะดูไพ่ให้เพื่อนๆ หรือน้องๆ สิ่งหนึ่งที่ต้องคิดอยู่เสมอคือ จะใช้ Spread อะไรดี ใช้กี่ใบ ต้องวางตรงไหนบ้าง และแต่ละที่มีความหมายว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งโดยส่วนตัวมีนทำให้น่าปวดหัว และความมั่นใจในการอ่านลดลงอย่างมาก

โดยปกติ Spread พื้นฐานคงหนีไม่พ้น Celtic Cross แบบ 10 ใบ แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นพื้นฐาน แต่ก็ไม่ใช่ Standard ซะทีเดียว เพราะแต่ละคน แต่ละสำนักก็วางเรียงกันคนละแบบ เช่น Thoth ก็วางอีกแบบหนึ่ง RWS ก็วางอีกแบบ ของไทยก็วางอีกแบบ เวลาคนเอาตัวอย่างดวงมาให้ดู ก็ต้องไล่ถามกันทีละใบเลยทีเดียวว่าวางแบบไหน เรียงอย่างไร (รวมถึงแต่ละตำแหน่งมีความหมายอย่างไรด้วย)

หรือ Spread ง่ายๆ อย่างการวาง 3 ใบก็มีรูปแบบมากมาย เช่น

  • เช้า – กลางวัน – เย็น
  • อดีต – ปัจจุบัน – อนาคต
  • ปัญหา – วิธีแก้ – สรุป
  • ฯลฯ

แต่ที่ร่ายมาทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่า Spread เหล่านี้ไม่ดี ไม่แม่นนะครับ แต่ผมคิดว่าบางทีการยึดติดกับความหมายมากเกินไปมันอาจจะทำให้เราพลาดบางความหมาย หรือบางมุมมองที่ไพ่พยายามจะบอกเราก็ได้

ดังนั้น คราวนี้ผมเลยลองมาบอก Spread ของผมเองที่ผมคิดว่ามัน Work สำหรับผมละกันนะครับ

หลักการของ Spread ของผมมีประมาณนี้ครับ

P_20160518_230931.jpg

  • จำนวนไพ่ที่ใช้ 5 ใบ
  • เรียงจากตรงกลางเป็นไพ่ใบแรก และวางสลับซ้าย และ ขวา ([4] [2] [1] [3] [5])
  • ตำแหน่งต่างๆมีความหมายดังนี้
    • [1] : หมายถึง ความรู้สึก ความคิด หรือสถานการณ์ปัจจุบัน
    • [2] [4] [3] [5]  : หมายถึง สิ่งที่มีผลต่อสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น สิ่งที่อยากทำ อุปสรรคที่เจอ ปัญหาในอดีต หรือแม้แต่ทางเลือกที่ยังรอการตัดสินใจ

สังเกตได้ว่า Spread ของผมเองจะกำหนดความหมายหลักแต่ใบกลาง [1] เพียงใบเดียว ส่วนใบที่เหลือเป็นตัวขยายความใบแรก การขยายความนั้นก็เป็นไปได้หลายแนว เช่น

  • ถ้าความหมายทั้ง 4 ใบไปในทางเดียวกัน จะแสดงถึงสิ่งแวดล้อมที่กำลังเจออยู่ เช่น อาจจะอยู่ในความกดดัน โดนล้อมด้วยปัญหา
  • ถ้าทั้ง 2 ฝั่งความหมายไปในทางตรงกันข้าม สามารถแสดงได้ 2 อย่าง
    • กำลังตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี โดย [2] [3] จะเป็นสิ่งที่ต้องเลือก ส่วน [4] [5] คือ ความคิดที่มีต่อทางเลือกนั้น หรือ สิ่งที่อาจจะเกิดเมื่อเลือกทางนั้นๆ
    • อดีตที่มีผลต่อปัจจุบัน [4][2] และอนาคตที่ความหวัง [3][5]
    • ซึ่งจะตกในกรณีให้ อาจจะต้องลองอ่านทิศทางของไพ่ดู บางครั้งอาจจะต้องสอบถามจากผู้ที่มาดูเพิ่มเติมว่า ใกล้เคียงกับกรณีไหน เพื่อที่จะได้อ่าน และหาปัญหาได้อย่างถูกต้อง

จากภาพด้านบน ตอนจับไพ่ ได้ถามว่า “ตอนนี้ เกิดอะไรขึ้นกับเขา (ตัวย่อ D)?” (คำถามปลายเปิดสุดๆ)

  • [1] 9 Swords : รู้สึกถึงความวิตกกังวล ความเครียด หยุดนิ่ง คิดหนัก
  • [4][2] 4 Cups และ Queen of Cups : น้ำมาแบบนิ่งๆ รู้สึกถึงความนิ่ง คลุมเคลือ มีอะไรแอบแฝง ภาพที่เห็นอาจจะสวยหรู แต่เหมือนมีอะไรแอบซ่อนอยู่
  • [3][5] Fool และ Knight of Disk : รู้สึกถึงพลัง ความกล้า ความกระตือรือร้น ความสำเร็จ การพักผ่อน
  • ไพ่ทั้ง 2 ฝั่งความหมายไปทางตรงกันข้าม ฝั่ง [4][2] จะดูนิ่งและคลุมเครือ [3][5] ดูมีพลังและชัดเจน
  • ดูจากทิศทาง จากซ้ายไปขวา รู้สึกได้ถึงความพยายามที่จะหลุดจากปัญหา คือไม่อยากอยู่ในสถานการณ์ฝั่งซ้ายแล้ว อยากได้ฝั่งขวา เพราะฉะนั้นฝั่งซ้ายน่าจะเป็นเหตุการณ์ในอดีตที่ทำให้มีผลกับปัจจุบัน ส่วนฝั่งขวาคือเหตุการณ์ที่คาดหวัง

เมื่อดูจากทิศทาง ธาตุ และอารมณ์ของไพ่ จึงแปลได้ประมาณนี้

  • ตอนนี้ D รู้สึกเครียดหนัก ถึงหนักมาก รู้สึกวิตกกังวล (9 Swords) เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรที่สำเร็จหรือเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเพียงการทำไปวันๆเพื่อให้เสร็จเท่านั้น (4 Cups) แม้ว่ามีคนเข้ามาพร้อมที่จะช่วยเหลือมากมาย แต่ก็ไม่ได้สนใจ สนใจแต่ตัวเองเท่านั้น (Queen of Cups) โดยได้แต่หวังว่า อนาคตคงได้ทำอะไรได้ตามใจ (Fool) แล้วประสบความสำเร็จซักที (King of Disks)

ซึ่งพอสอบถามความถูกต้องก็ถือว่าตรงพอสมควร (รอดตัวไป…)

ตอนนี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบอยู่ อาจจะมีผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็ต้องฝึกฝนกันไป แต่ใครอยากจะลองนำไปใช้ก็ได้นะครับ แล้วได้ผลอย่างไร อย่าลืมนำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

Case Study : เพื่อนรู้สึกดวงตก

Case นี้น่าสนใจตรงที่ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่คนเราเหนื่อย ท้อแท้ หรือว่าทำอะไรก็ไม่ได้ดังใจ เมื่อเกิดอารมณ์เหล่านี้ และหาสาเหตุไม่ได้ ก็มักจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจว่า “ช่วงนี้ดวงตกหรือเปล่า” “ช่วงนี้ดวงไม่ค่อยดีเลย”

สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดในการแก้ปัญหานี้ ไม่ใช่ว่าจะทำอย่างไรให้ดวงดีขึ้น หรือสะเดาะเคราะห์อย่างไรให้พ้นภัย แต่สิ่งที่จำเป็นจะต้องทำคือ การหาว่าปัญหาที่ทำให้เรารู้สึกแย่นั้น เกิดขึ้นจากอะไร และเราควรจะแก้ไขอย่างไรต่างหาก

ในมุมมองของผมนั้น ผมคิดว่า Tarot สามารถทำให้เรารู้ถึงต้นตอของปัญหาที่อยู่ลึกๆภายในใจได้ ดังนั้น วันนี้ผมได้ Case Study หนึ่งที่น่าสนใจ และน่าจะสามารถตอบคำถามให้กับเพื่อนของผมคนนึง ซึ่งเข้ามาขอความช่วยเหลือด้วยสาเหตุที่ว่า “รู้สึกดวงตกยังไงก็ไม่รู้”

สำรับที่ใช้ : Thoth Tarot

วิธีทำนาย : ผ่าน Line จับไพให้เพื่อนโดยสับไพ่ 2 ครั้ง และหยิบใบบนสุด

Spread ที่ใช้ : Thoth Spread

thoth spread.gif

ภาพจาก www.tryskelion.com

ตำแหน่งที่ 1 2 3 : แสดงถึงสถานะการณ์ปัจจุบัน

ตำแหน่งที่ 13 9 5, 4 8 12 : แสดงถึงแนวโน้มอนาคตที่จะเกิดขึ้น

  • ถ้าทั้ง 2 ฝั่งมีความสัมพันธ์ไปในทางเดียวกัน ฝั่งซ้ายจะเป็นผลต่อเนื่อง หรือขยายความจากฝั่งขวา
  • ถ้าทั้ง 2 ฝั่งขัดแย้งกัน ทางขวาคือสิ่งที่ควรจะเป็น ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นแนวทางการแก้ไข เพื่อที่จะเปลี่ยนผลลัพธ์ทางขวา

ตำแหน่งที่ 14 10 6 : แสดงถึงต้นตอของปัญหา

ตำแหน่งที่ 7 11 15 : แสดงถึงสิ่งที่ควบคุมได้ สิ่งที่แก้ไขได้ รวมถึงคำแนะนำ

เอาล่ะ ลองมาดูไพ่ของเพื่อนผมกัน

00 Full Read 3.jpg

  • ตำแหน่งที่ 1 : 10 Pentacles (10P)
  • ตำแหน่งที่ 2 : 5 Pentacles (5P)
  • ตำแหน่งที่ 3 : Chariot (Ch)
  • ตำแหน่งที่ 4 : Devil (De)
  • ตำแหน่งที่ 5 : 2 Wands (2W)
  • ตำแหน่งที่ 6 : 2 Pentacles (2P)
  • ตำแหน่งที่ 7 : 6 Cups (6C)
  • ตำแหน่งที่ 8 : 5 Cups (5C)
  • ตำแหน่งที่ 9 : 10 Wands (10W)
  • ตำแหน่งที่ 10 : 8 Pentacles (8P)
  • ตำแหน่งที่ 11 : Magus (Ma)
  • ตำแหน่งที่ 12 : Princess of Pentacle (PP)
  • ตำแหน่งที่ 13 : 3 Wands (3W)
  • ตำแหน่งที่ 14 : 7 Cups (7C)
  • ตำแหน่งที่ 15 : Ace of Sword (1S)

และนี่คือสิ่งที่ผมแปลความออกมาโดยที่ยังไม่มีการพูดคุยกับเพื่อนคนนี้ (งานมโนมาเต็มจริงๆ)


เริ่มจากสถานการณ์ปัจจุบัน : ตอนนี้ดูเหมือนว่าปัญหาหลักๆที่เกิดขึ้นตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องเงิน (ไพ่ที่เกี่ยวกับเงินขึ้นเยอะมาก มี 5 ใบ) คือ มีเงิน(10P) แต่ใช้เงินไม่ได้ (5P) อยากไปเที่ยวก็ไปไม่ค่อยได้(Ch) เหมือนมีภาระ เช่น พวกหนี้ หรือเรื่องฉุกเฉินที่ต้องนำเงินส่วนนี้ไปใช้(5P) เลยไม่สามารถใช้เงินอย่างที่ต้องการ หรือทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้

ต้นตอของปัญหา : ซึ่งปัญหานี้ ดูแล้วเหมือนพึ่งมีการเปลี่ยนงาน ย้ายบ้าน หรือการเปลี่ยนแปลงทางการเงินครั้งใหญ่(2P) เลยต้องเอาเงินที่อุส่าห์เก็บมา(8P) ออกมาใช้ก่อน แต่สิ่งที่จ่ายไปนั้นมันก็ไม่ค่อยคุ้มค่าซักเท่าไหร่ เหมือนจ่ายไปกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน (7C) เช่น จ่ายค้ำประกัน จ่ายเงินดาวน์ หรือทำสัญญา ที่ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ หรือไม่เต็มใจที่จะทำ

หรือถ้าไม่เกี่ยวกับเงิน ก็อาจจะเป็นงานที่ทำอยู่มีการโยกย้ายตำแหน่ง (2P) ซึ่งทำให้ไม่สบายใจ เพราะมันน่าเบื่อ (8P) ทำไปก็ไร้เป้าหมาย(7C) จับต้องอะไรไม่ได้ หรือจับฉ่ายจนน่าปวดหัว และรู้สึกถึงความไม่เหมาะสมทั้งเงินเดือนและตำแหน่ง(2C)

โดยสรุปคือ (#1,2,3,6,10,14) ที่ไม่ค่อยสบายใจ อาจจะเป็นเพราะ เงินที่มีไม่ได้ใช้เพื่อตัวเอง หรือเพื่อทำตามฝันเท่าไหร่ แต่กลับหมดไปกับสิ่งที่ตัวเองไม่ค่อยปลื้ม หรือไม่ค่อยได้ประโยชน์จากมัน ไม่ก็เรื่องงานที่ไร้เป้าหมาย ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ไม่เหมาะสมทั้งตำแหน่งงานและเงินเดือน

ส่วนวิธีทางแก้ไขนั้น แบ่งเป็น 2 เรื่อง

เรื่องเงิน
ให้ลองพูดคุย ขอความช่วยเหลือจากคนในครอบครัว โดยเฉพาะพี่น้อง(6C) ให้ช่วยแบ่งเบาภาระ หรือเป็นที่ปรึกษา ขอคำแนะนำ แต่อาจจะต้องเป็นตัวตั้งตัวตีในการแก้ไขปัญหา (Ma) เวลาพูดก็ต้องให้ชัดเจนว่า ภาระคืออะไร ต้องการความช่วยเหลือยังไง งุบงิบไม่ได้ (1S)

เรื่องงาน ให้ลองหางานพิเศษ หรือ หางาน part time หรือ Freelance ที่ถนัด (Ma,1S) เช่น การสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็ก (6C) เป็นล่ามแปลภาษา (Ma) รับงานแปลเอกสารที่ตัวเองถนัด

ผลลัพธ์ : หากทำตามนี้ได้ สถานการณ์น่าจะดีขึ้น คือมีไฟ (2W,3W) และมีแรงหึดสู้มากขึ้น แต่มันอาจจะทำให้งานเยอะ หรืองานยุ่งมากกว่าเดิม (10W) คือมีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด ให้นึกไว้เสมอว่า เป้าหมายคืออะไร ทำแต่พอเหมาะพอดี อะไรที่ไม่สำคัญก็ปล่อยวางไป อย่าไปยึดติดกับมัน

แต่ถ้าไม่ทำอะไร สถานการณ์จะนิ่งแบบนี้ไปอีกนาน นิ่งคือนิ่งจริงๆ ไม่ขยับไปไหน (5C,PP) เงินได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่มีอารมณ์กระตือรือร้น (De,5C) หรือแรงบันดาลใจ เพราะฉะนั้น ช่วงนี้ถ้าคิดว่าอะไรที่น่าสนใจ ให้ลองทำดู ทำจากงานเล็กๆไปก่อน แล้วค่อยๆขยายออกไป แต่ก็อย่าทำทุกงานที่ผ่านมา จนลืมว่าเราต้องการทำอะไรกัน


ข้อความด้านบนทั้งหมดคือสิ่งที่ผมอ่านจากไพ่ โดยที่ไม่ได้ถามอะไรจากเพื่อนเลย (งานมโนล้วนๆ) ซึ่งหลังจากที่ได้ส่งให้เพื่อนอ่าน ก็ได้รับ Feedback กลับมาว่า เรื่องที่ตรงคือเรื่องงาน (สีแดงคือรายละเอียดเพิ่มเติมที่เพื่อนเล่าให้ฟัง) ได้ความมาว่า

เรื่องงาน : งานมีความซ้ำซาก จำเจ น่าเบื่อ ไม่มีเป้าหมาย (8P,7C) นิสัยและวิธีการทำงานเลยเปลี่ยน (2P) เหมือนทำไปวันๆ แต่ถ้าไม่ทำก็จะไม่มีเงิน (5P) และจะไม่สามารถไปต่างประเทศ ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้ (Ch) และเพราะงานมันน่าเบื่อ เลยทำให้รู้สึกว่า มีแค่นี้ก็พอ ทำแค่นี้ก็ได้ (10P) หมดแรงที่จะกระตุ้นตัวเองให้มีไฟ (10W) จนเจ้าตัวเริ่มมีความคิดที่จะล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปต่างประเทศแล้ว (2W,3W)

คำแนะนำ (6C,Ma,1S) : .ให้ลองกระตุ้นตัวเอง โดยให้หาสิ่งที่ตัวเองถนัดและสนใจ(Ma) สิ่งที่เคยทำมาก่อนแล้วทำได้ดี (6C) ให้ตั้งเป้าหมาย และทำให้มันชัดเจน (1S)

ถ้าทำตามคำแนะนำ : การตั้งเป้าหมายชัดเจน (1S) จะช่วยพัดไฟที่กำลังมอด (10W) ให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง และทำให้ความตั้งใจที่จะไปต่างประเทศ (2W,3W) มีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น

ถ้าไม่ทำอะไร : อาจจะต้องเสียใจ (5C) และอยู่กับที่ทำงานเดิม ความรู้สึกเบื่อเดิมๆ จำเป็นต้องทำงานที่เดิม (De) แต่ก็มีพอกินพอใช้ ตามเท่าที่มี หรือที่หาได้ (PP) อาจจะไม่หวือหวา แต่ก็ไม่ได้ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตเท่าไหร่

นอกจากเรื่องที่ทำงานแล้ว ยังมีเรื่อง Agent ที่เงียบหาย ไร้ซึ่งการติดต่อกลับมา เมื่อลองดูจากไพ่จะพบว่า เป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่ทำให้เกิดปัญหานี้

เรื่อง Agent : Agent ที่ติดต่ออยู่ ยังเป็น Agent ใหม่ (พึ่งแยกออกมา (2P)) ซึ่งอาจจะยังไม่มีความน่าเชื่อถือ (7C) และสถานะการเงินของ Agent ยังไม่พร้อม (8P) ทำให้มีเจ้าตัวมีความกังวลว่าจะได้ไปต่างประเทศหรือไม่ (5P,Ch) ทั้งๆที่เรื่องเงินก็พร้อมอยู่แล้ว (10P)

คำแนะนำ : ให้เจ้าตัว (Ma) เปลี่ยน Agent (1S) เพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเอง และเนื่องจาก เจ้าตัวกับ Agent รู้จักกัน (6C) อาจจะยากที่อยู่ๆจะบอกยกเลิก ดังนั้น การให้เวลาอีกซักพัก น่าจะเป็นวิธีที่ดีกว่าการตัดสินใจแบบเด็ดขาด

ผลลัพธ์ : คล้ายกับเรื่องงาน

ข้อสรุปหลังจากที่ได้รับคำทำนาย และได้พูดคุยกับ : พบว่า สามารถโยงเข้าถึงต้นตอของปัญหาได้เร็วกว่าและตรงจุดกว่า โดยเฉพาะเรื่อง Agent ที่สำคัญมาก ถ้าหากไม่ได้พูดคุยกันโดนตรงก็อาจจะไม่สามารถเชื่อมโยงมาถึงเรื่องนี้ได้

ข้อสังเกตอื่นๆที่น่าสนใจ

  • ในครั้งนี้ ตำแหน่งของไพ่ที่บอกแนวโน้วทั้ง 2 ชุด ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง โดยฝั่งซ้ายธาตุไฟหนักมาก ส่วนฝั่งขวาก็หลักไปทางธาตุดินและน้ำ (จริงน้ำก็ไม่แรงมาก เนื่องจากเป็นเลข 5)
  • 2 Pentacle เป็นไพ่อีกใบที่ตีความยาก ถ้าดูจาก Keyword ก็จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่ได้รับข้อมูลจากเพื่อนคงไม่ทราบว่า Agent ที่ใช้บริการอยู่นั้น พึ่งแยกตัวออกมา
  • ครั้งนี้ได้ลองรวมเลขของไพ่แต่ละชุดที่น่าสนใจ เช่น
    • ตำแหน่งต้นตอของปัญหา มีไพ่ 7C + 8P + 2P ผลรวมตัวเลขได้ 17 และ 1+7 ได้ 8 ตรงกับไพ่ Major คือ Adjustment ซึ่งมีแสดงถึงความถูกต้อง เที่ยงตรง ความน่าเชื่อถือ ซึ่งตรงกับปัญหาของ Agent ที่ว่าอาจจะยังความน่าเชื่อถือเพียงพอ
    • ตำแหน่งแนวโน้มอนาคตฝั่งซ้าย มีไพ่ 3W + 10W + 2W ได้ 15 คือ Devil คือความยึดติดกับสิ่งที่เป็นอยู่ ซึ่งก็คือการยึดติดงานปัจจุบัน จนลืมไปว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการคืออะไร เหมือนเป็นกรเตือนว่า ให้ระวังตัวเองดีๆ อย่าหมดไฟเพราะงานที่อยู่ทำแล้วมันสบายเกินไป

สิ่งที่สำคัญจากการดูไพ่ครั้งนี้คือ การพูดคุยกับคนที่อยากดูไพ่ มีผลอย่างมากต่อการแก้ปัญหาที่เขาเจอ อย่างที่บอกในตอนต้นนั้น ที่ผมเชื่อว่า Tarot สามารถดึงความรู้สึก หรือปัญหาที่อยู่ในใจของผู้ที่มาดูไพ่ได้ ดังนั้น การพูดคุยกับผู้ที่ดูไพ่โดยตรงจะช่วยให้ทั้งผู้ที่มาดู และ Tarot Reader สามารถทำงานร่วมกัน แปลร่วมกันและแก้ปัญหาของผู้ที่มาดูไพ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนในเรื่องของการทำนายอนาคตนั้น ผมคิดว่าไพ่สามารถบอกได้เพียงคร่าวๆเท่านั้น (จากไพ่น่าจะเป็นช่วง ธ.ค. – เม.ษ.) ซึ่งมันอาจจะช้าหรือเร็วกว่านั้น นั่นก็ขึ้นอยู่กันการกระทำ และการแก้ไขปัญหาของเพื่อนผมเองว่าจะสามารถแก้ไขได้เร็วขนาดไหน

เพราะอนาคตมันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เราจึงควรที่จะแก้ไขปัญหาในปัจจุบันให้ดี แล้วอนาคตที่ดีจะตามมาเอง

 

Case Study : ช่วงสัปดาห์ต่อไปจะเป็นอย่างไร

วันนี้มี Case ที่น่าสนใจแบบหนึ่ง ซึ่งเคยเจอรูปแบบแบบนี้มาครั้งหนึ่ง ตอนสมัยเรียนไพ่แรกๆ เป็นการผสมความหมายไพ่และความสัมพันธ์ของธาตุของไพ่แต่ละใบได้อย่างน่าสนใจ

โดยปกติแล้ว ส่วนตัวจะให้ถามคำถามก่อน จากนั้นค่อยเลือกไพ่ทีละใบ จะใช้ Spread บ้าง ไม่ใช้บาง แต่ใน Case นี้ได้ใช้ Spread โดยที่ในแต่ละตำแหน่งมีความหมายดังนี้

  • ตำแหน่งที่ 1 : เหตุการณ์ปัจจุบัน
  • ตำแหน่งที่ 2 : ภาพรวม เรื่องราว ที่เกี่ยวข้องในช่วง 1 สัปดาห์หลังจากนี้
  • ตำแหน่งที่ 3 : ปัญหา อุปสรรค ความท้าทาย
  • ตำแหน่งที่ 4 : ผลสรุปเมื่อสุดสัปดาห์
  • ตำแหน่งที่ 5 : คำแนะนำอื่นๆ

 

เจ้าของ Case นี้เป็นน้องที่ทำงาน ได้จับไพ่ทีละใบ ได้ไพ่ออกมาดังนี้

คำถาม : 1 สัปดาห์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร

ช่วงเวลาที่ถาม : ช่วงสงกรานต์

สำรับที่ใช้ : Tarot of the New Vision

00 Full Read 2.jpg

  • ตำแหน่งที่ 1 : 4 Swords
  • ตำแหน่งที่ 2 : Hierophant
  • ตำแหน่งที่ 3 : Knight of Sword
  • ตำแหน่งที่ 4 : 4 Cups
  • ตำแหน่งที่ 5 : Queen of Pentacle

เมื่อลองกวาดตาดูโดยภาพรวม

  • ไพ่ส่วนใหญ่ ให้อารมณ์นิ่งมากๆ ยกเว้นใบที่ 3 Knight of Sword ที่มีความเคลื่อนไหว
  • ไพ่ Knight of Sword ถูกขนาบด้วยไพ่นิ่งถึง 4 ใบ มีความรู้สึกอึกอัด
  • ไพ่คละธาตุ (มี ดิน น้ำ ลม) ไม่มีธาตุไฟ

ลองมาดูความหมายทีละตำแหน่งกัน

  • ตำแหน่งที่ 1 : เหตุการณ์ปัจจุบัน
    • 4 Swords : แสดงถึงความนิ่ง การผ่อนคลาย การพักผ่อนหลังจากที่ได้รับความเหนื่อยล้าหรือพึ่งฟันฝ่าอุปสรรคมา ซึ่อาทิตย์ที่ผ่านมาน้องเขาเหนื่อยมาก เพราะเกิดปัญหาในที่ทำงานมากมาย ซึ่งตอนนี้อารมณ์คือเริ่มอยากพัก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับงาน
  • ตำแหน่งที่ 2 : ภาพรวม เรื่องราว ที่เกี่ยวข้องในช่วง 1 สัปดาห์หลังจากนี้
    • Hierophant : เรื่องราวที่น่าจะเกิดขึ้นในอาทิคย์หน้า สามารถตีความได้ 2 แบบ
      • หนึ่งคือเรื่องการไปทำบุญช่วงวันหยุด
      • สองคือเรื่องที่ทำงาน
      • ไพ่พระ ส่วนตัวตีความเป็นสถานที่ที่จริงจัง มีกฎ ระเบียบ น่าจะรวมถึง วัด โรงเรียน ที่ทำงาน ที่ราชการ)
    • ซึ่งคิดว่าช่วงเวลาหลังจากที่เปิดไพ่ น่าจะต้องอยู่ในที่ทำงาน หรือไปวัด แล้วมีอุปสรรคตามตำแหน่งที่ 3
  • ตำแหน่งที่ 3 : ปัญหา อุปสรรค ความท้าทาย
    • Knight of Sword : แสดงถึงความพุ่งพล่าน ความก้าวร้าว อาจจะหมายถึงอาทิตย์ที่จะถึง จะต้องเจอกับอุปสรรค หรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่ทำงาน หรือที่วัด อาจจะเป็นการถูกชวนไปทำบุญโดยไม่สมัครใจ
  • ตำแหน่งที่ 4 : ผลสรุปเมื่อสุดสัปดาห์
    • 4 Cups : แสดงถึงความเบื่อหน่าย สุดท้ายแล้ว อาทิตย์ที่นี้ก็ผ่านไปแบบเบื่อๆ ไม่มีอะไรหวือหวา อุปสรรคที่เข้ามาก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เคยเจอ เคยผ่านมาแล้ว เคยแก้ไปแล้ว
  • ตำแหน่งที่ 5 : คำแนะนำอื่นๆ
    • Queen of Pentacle : ไพ่ใบนี้ตีความได้ 2 แบบ
      • หนึ่งคือ บุคคลที่จะเข้ามามีผล อาจจะเป็นคุณแม่ของน้องเขา ถ้าเป็นคำแนะนำสำหรับการรับมือกับอุปสรรคคือ ตามใจแม่ไปเถอะ (พึ่งรู้ทีหลังว่า เคยเกิดเหตุการณ์ถูกบังคับให้ไปทำบุญด้วยกันโดยไม่สมัครใจ)
      • สองคือ คำแนะนำสำหรับตัวน้องเอง คืออย่ากังวล เราสามารถรับมือได้อยู่แล้ว เรามีพร้อมทั้งความรู้และแผนที่จะสามารถรับมือได้

โดยสรุปจากการอ่านความหมายในแต่ละตำแหน่งจะได้ว่า

  • อาทิตย์หน้า อาจจะเจอปัญหา หรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นที่ทำงาน อาจจะค่อนข้างกระทันหัน แต่อย่างไรก็ตาม น้องได้เคยเจอปัญหาแบบนี้มาแล้ว อาจจะเจอจนชินแล้ว ก็ไม่ต้องกังวล สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน
  • อีกเรื่องหนึ่งคือที่บ้าน อาจจะมีการชักชวนให้ไปทำบุญด้วยกัน แต่น้องอาจจะไม่อยากไป อาจจะทำให้มีไม่พอใจกันบ้าง ทางออกที่ดีคือ ตามใจที่บ้านไปเถอะ

นอกจากการอ่านไปในแต่ละตำแหน่งแล้ว ลองมาดูความสัมพันธ์แบบอื่น เช่น ตัวเลข และธาตุบ้าง

  • จุดเด่นของไพ่ : Knight of Sword อยู่ตรงกลาง แต่โดนประกบด้วยไพ่ถึง 4 ใบ แสดงถึงความอยากออกจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ ซึ่งอาจจะหมายถึงว่า อยากออกไปเที่ยว หรือพักผ่อนจากงาน
  • ตัวเลข : เลขที่ปรากฎมีเลข 4 และ 5
    • 4 แสดงถึงความมั่นคง ความเสรียร และนิ่ง นิ่งจนไม่อยากขยับไปไหน
      • 4 Swords : คืออยากพักแล้ว อยากหยุดงานแล้ว
      • 4 Cups : เบื่อแล้ว ไม่อยากได้อะไรซ้ำๆอีกแล้ว
    • 5 ของไพ่ Major คือ Hierophant รู้สึกถึงความตึงเครียด การที่ต้องอยู่ในกฎ ระเบียบ
  • ธาตุ : ลม น้ำ และดิน
    • ไม่มีธาตุไฟ อาจจะหมายถึง ไม่มีแรงบันดาลใน ไม่มีแรงในการทำงาน หรือสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ แม้ว่าจะมีธาตุลมแบบ Active คือ Knight of Sword แต่ก็ยังขาดแรงเสริมจากไฟ แสดงถึงความอยากพัก อยากออกไปข้างนอก แต่ไม่มีแรงพอ
    • ดินลม – น้ำ : 
      • Knight of Sword โดนประกบด้วย Hierophant ซึ่งเป็นธาตุดิน และ 4 Cups ซึ่งเป็นธาตุน้ำ
      • Hierophant เป็นธาตุดิน ทำให้ Knight of Sword อ่อนกำลังลงเนื่องจากเป็นธาตุลม หมายถึง อยากออกไปข้างนอก แต่ติดเรื่องระเบียบ ที่ทำงาน
      • 4 Cups เป็นธาตุน้ำ ไม่เสริมกำลังให้กับ Knight of Sword คือ นอกจากจะไม่ได้ออกไปไหนแล้ว ยังต้องมาเจอเรื่องน่าเบื่ออีก
    • ลมดินลม – น้ำดิน :
      • และโดนประกบอีกชั้นด้วย 4 Swords และ Queen of Pentacle
      • 4 Swords เป็นธาตุลมก็จริง แต่ก็ไม่ได้เสริมให้ Knight of Sword มีแรงมากขึ้น เนื่องจากโดน Hierophant คั่นอยู่ อาจจะหมายถึง แม้ว่าจะอยากพัก อยากจะออกไปเที่ยว แต่ก็ยังติดเรื่องที่ทำงานอยู่
      • Queen of Pentacle เป็นธาตุดิน ยิ่งเป็นการปิดตาย ทำให้แรงที่อยากจะฝ่า หรือแก้ปัญหานั้นยากขึ้นไปอีก อาจจะแปลได้ว่า ติดปัญหาเรื่องที่บ้าน หรือเรื่องเงินที่ไม่พอไปเที่ยวข้างนอก หรืออาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนนี้

โดยสรุปจากการอ่านจากตัวเลข และธาตุจะได้ว่า

  • ตอนนี้น้องอยากจะพักมากๆ อยากออกไปข้างนอก แต่ก็ติดปัญหาในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเงิน หรือแม้แต่เรื่องที่เที่ยว ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่ (ดูจาก Knight of Sword หันไปทาง 4 Cups)
  • สำหรับการแก้ปัญหา ให้แก้จากสิ่งที่ทำให้เราอ่อนกำลังลง นั่นคือต้องแก้ที่ไพ่ Hierophant ซึ่งเป็นธาตุดิน แต่เนื่องจากเป็นไพ้ Major อาจจะไม่สามารถหลบหนีมันไปได้ จะต้องเผชิญหน้ากับมัน ซึ่งก็คือ การใช้กฎระเบียบวันแลก วันลา ตามสิทธิ์ของเรา เมื่อสามารถลาได้ ก็สามารถไปเที่ยวได้

 

จาก Case การอ่านไพ่ข้างต้น จะเห็นได้ว่า ไพ่ชุดเดียว สามารถแปลความหมายออกมาได้หลากหลาย แต่จาก Feedback ของน้อง สิ่งที่ตรงมากที่สุดคือเรื่องของการไปเที่ยว แต่ติดปัญหาเรื่องาน ซึ่งได้มาจากการอ่านแบบภาพรวมและใช้ระบบตัวเลขและธาตุ เข้าช่วย แต่เรื่องอื่นๆก็มีตรงบ้างเช่นกัน คือเรื่องปัญหาเดิมๆที่เกิดขึ้นที่ทำงาน (จากการอ่านทีละตำแหน่ง)

จากประสบการณ์ครั้งนี้ ได้เรียนรู้ว่า ควรจะใช้ความรู้สึกที่หน้าไพ่บอกเราก่อน จากนั้นค่อยๆเจาะลึกลงไป อาจจะทีละใบ หรือดูในภาพรวมแต่ดูเพิ่มในความสัมพันธ์ของไพ่แต่ละใน โดยเฉพาะเรื่องตัวเลขและธาตุ

Seminar : ZTAROT Part 3/3

เอาล่ะ มาถึง Part สุดท้ายของการไปสัมมนาครั้งนี้ ซึ่งใน Part นี้ผมจะมาเขียนถึงประสบการณ์ในภาคทำนาย โดยในครึ่งบ่ายเกือบทั้งหมดจะเป็นการดูตัวอย่างการทำนาย หรือพูดง่ายๆคือตัวอย่างดวงนั้นเอง ประมาณ 50 ดวงได้ และก็มีบททดสอบนิดๆหน่อยๆ เพิ่มให้ลองทดสอบสิ่งที่ได้เรียนมา

โดยหลักๆแล้ว หลักการที่สำคัญที่เขาได้สอนมานั้น คือให้พิจารณาจากตำแหน่ง เลข และธาตุ ตามลำดับ เพียงสามสิ่งนี้ก็สามารถทำนายได้ระดับหนึ่งแล้ว

สิ่งที่น่าสนใจในส่วนนี้คือ

  • การทำนายในบางครั้ง ไม่ได้ยึดตำแหน่งเป็นหลัก จะยึดจากความหมายของไพ่ที่เด่นชัดขึ้นมาก่อนเสมอ ทำให้รู้สึกสับสนอยู่บ้าง แต่โดยปกติตัวเองก็ใช้วิธีนี้อยู่แล้ว แต่แค่ขัดกับหลักที่เขาให้ในตอนต้นไปบ้าง
  • เรื่องจำนวนไพ่ดีและไพ่ไม่ดี ตรงนี้ทำให้สับสนพอสมควร เช่น
    • หากพบไพ่บางใบที่มีความหมายในเชิงลบเพียงใบเดียว อาจจะทำให้ไพ่ดีๆลดความหมายลงไปหมด เช่น Page of Sword ที่หมายถึงการพบเจออุปสรรคหรือแม้กระทั่ง King of Pentacle หากเจ้าชะตาเป็นหญิง
    • แต่บางดวง มีไพ่แย่ๆเหมือนกัน เช่น Tower แต่กลับไม่ค่อยส่งผลกระทบเท่าไหร่ เพราะว่าไพ่ดีเยอะ
      กว่า
    • แต่สุดท้ายแล้วในความคิดของตัวเองคือ ต้องดูไพ่รอบๆให้ทั่วก่อน การฟันธงลงไปในใบใดใบหนึ่ง มันอาจจะดูรีบร้อนเกินไปหน่อย เพราะน่าจะมีอะไรซ่อนอยู่ในไพ่ใบอื่นๆ
  • การทำนายออกจะเป็นแนวบอกอนาคต และฟันธง เช่น เจ้าชะตาถามว่า จะได้งา5sนไหม คำตอบจากไพ่ คือได้ ซึ่งสิ่งที่ตัวเองคาดหวังคือ อยากได้การหาสาเหตุที่เกิดขึ้นจริงๆมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวคิดว่า ถ้าทำนายแบบนี้ออกไปได้แล้ว การหาสาเหตุน่าจะตามมาอีกที (แต่ส่วนใหญ่คนที่เข้ามาดูก็อยากได้คำตอบแนวนี้เช่นกัน)
  • ระบบเลขและธาตุส่วนใหญ่จะใช้ในการแปลความหมายของไพ่ มากกว่าการหาความสัมพันธ์ระหว่างไพ่ เช่น เช่น เลข 5 ธาตุลม แสดงความความล้มเหลวทางความคิด ปัญหา หรือ Hangman คือการสมมติ การปลอมแปลงเอกสาร หรือ 2 ธาตุดิน คือการมีเอกสารสำรอง?? ซึ่งไพ่แต่ละใบค่อนข้างจะมีความหมายอย่างโดดๆ แทบไม่ได้แลกเปลี่ยนความหมายกันในเชิง ตำแหน่ง เลข ธาตุ หรือราศีและดาว
  • Spread ที่ใช้งานมีหลักการที่น่าสนใจ คือ ให้ใช้ตามความซับซ้อนของคำถาม เช่น ถ้าคำถามไม่ยากมากนัก ก็ใช้แบบใบเดียว หรือ 3 ใบ ถ้าเป็นเรื่องยุ่งยากหรือจริงจังก็ให้ใช้ 10 ใบ และ Celtic cross ก็เป็นแบบที่ไม่เคยใช้มาก่อน รวมถึงความหมายในแต่ละตำแหน่งก็พึ่งได้รู้ความหมายและวิธีใช้งานของมันจริงๆ (ซึ่งต่างจากตำราต่างประเทศมากๆ)

ภาพจาก www.astrosimple.com

 

สรุปสุดท้ายแล้ว การเข้าสัมมนาในครั้งนี้ ก็ได้เปิดมุมมองอะไรหลายๆอย่าง โดยเฉพาะความรู้เรื่อง Numerology ซึ่งแม้ว่าจะขัดกับสิ่งที่รู้มาบ้าง แต่ก็ได้ไอเดียใหม่ๆในอีกมุมมองหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้ไพ่ที่ผ่านการปลุกเสกมาเรียบร้อยแล้วเป็นของที่ระลึกอีกด้วย (แต่คงไม่ได้ใช่หรอกครับ 5555)

SDeck.jpg

ไพ่ที่ได้ในงาน

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าหากประเมินตามความคาดหวังแล้ว คงยังไม่ได้ตามคาดเท่าที่ควร โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมโยงไพ่ในการทำนาย ซึ่งคาดหวังว่าจะมีการใช้ระบบธาตุ ระบบตัวเลข ระบบราศีและดาว มาก แต่กลับกลายเป็นว่าแทบไม่ได้ใช้เลย และอาจจะป็นเรื่องของเวลา เนื้อหาจึ่งค่อนข้างอัดแน่นและไม่ได้ถามอะไรเท่าที่ควร

อย่างไรก็ตามก็ขอขอบคุณอาจารย์มากที่ได้แบ่งปันและมอบความรู้ในอีกมุมมองหนึ่งที่ไม่เคยได้เรียนรู้จากที่ไหน หวังว่าประสบการณ์ในครั้งนี้จะทำให้ตัวผมเองสามารถนำไปประยุกต์ใช้ และต่อยอดได้ต่อไป ขอบคุณมากครับ

ปล. ก่อนไปสัมมนาในครั้งนี้ได้หยิบไพ่ขึ้นมาใบหนึ่ง ซึ่งถามว่า จะได้อะไรจากการสัมมนาในครั้ง คำตอบก็เป็นไปดังภาพด้านล่างครับ

Temperance

ได้รู้อะไรใหม่ๆ และสามารถนำไปต่อยอด

Part อื่นๆ

Seminar : ZTAROT Part 2/3

หลังจากที่ผ่านในส่วนแรกที่เป็น Major มาแล้ว ในส่วนต่อมาเป็นเรื่องของไพ่ชุดเล็ก Minor โดยดูจากธาตุและตัวเลข ผสมกันจนได้ความหมาย ส่วน Court Card คือการผสมระหว่างฐานะและธาตุเข้าด้วยกัน (เรื่องธาตุไม่ค่อยขัดกัน ข้ามไปเลยก็แล้วกัน)

สิ่งที่น่าสนใจในหัวข้อนี้คือ

  • หมายเลข 1
    • สามารถแปลว่าความเป็นเอกภาพ หรือการเป็นโสดก็ได้เหมือนกัน
  • หมายเลข 2
    • คือการผสานกัน การรวมตัว ที่น่าสนใจและเป็นตัวอย่างที่ดีคือ ธาตุดิน หรือ 2 เหรียญ ด้วยความที่เป็นของแข็งทั้งคู่ การผสานเข้าหากันจึงน่าจะเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าเปรียบเทียบถึงกายภาพขนาดนั้น ธาตุลม (2 ดาบ) น่าจะเข้ากันได้ไม่ยาก แต่ทำไมถึงสามารถแปลในด้านลบได้ล่ะ น่าจะมีความหมายลึกๆซ่อนอยู่ แต่โดยส่วนตัวไพ่ 2 ดาบคือเริ่มมีปัญหา แต่ยังหาทางแก้ไม่ได้มากกว่า ยังไม่ถึงกับขัดแย้ง เพราะปัญหายังอยู่ที่ตัวคนใดคนหนึ่ง
  • หมายเลข 3
    • ที่น่าสนใจคือการแปลว่าความสำเร็จก็ได้ ทั้งๆที่มันยังเป็นเลขต้นๆ ซึ่งอาจจะหมายถึงความสำเร็จขั้นต้นก็เป็นได้
  • หมายเลข 4
    • ความมั่นคง การหยุดนิ่ง ซึ่งไพ่ที่น่าสนใจคือ 4 ไม้เท้า เพราะไพ่ความหมายค่อนข้างดี แต่พอไปจับ6pกับเรื่องอื่น ดันไม่ได้ส่งเสริมให้เรื่องราวมันดีขึ้น เพราะมันนิ่ง
  • หมายเลข 5
    • คือความพ่ายแพ้ ซึ่งตรงตัวกับไพ่ทุกใบ ที่น่าสนใจคือ 5 ดาบ ซึ่งไม่ได้มีการเจาะจงว่าผู้แพ้คือใครในภาพกันแน่ เพราะแบบนี้หรือเปล่าอาจารย์ท่านจึงไม่ได้ให้อ่านภาพก่อนเพราะจะทำให้สับสน
  • หมายเลข 6
    • อันนี้มีทั้งเข้าใจมากขึ้น และงงมากขึ้นในเวลาเดียวกัน เพราะที่ให้ความหมายคือ ความสำเร็จที่เกิดจากการให้ความสำคัญมาเป็นเวลานาน ที่งงสุดๆคงเป็น 6 เหรียญ ซึ่งภาพก็ไม่ได้สื่ออะไรที่ชัดเจน
      จริงอยู่ที่ 6 คือความสำเร็จที่ได้จากการพยายาม แต่เรื่องเวลามันมีความสำคัญขนาดนั้นหรือเปล่า
  • หมายเลข 7
    • ยิ่งงงกว่าหมายเลข 6 โดยเฉพาะ 7 ถ้วย โดยปกติ เลข 7 ในตำราต่างประเทศจะเป็นเลขที่แย่มาก บ่งบอกถึงอุปสรรค ความไม่แน่นอน ความเบี่ยงเบน แทบจะเป็นเลขที่แย่ที่สุด ซึ่งที่ได้เรียนมากลับกลาย7c thothเป็นการทำงาน การแข่งขัน การลงมือปฏิบัติ ซึ่งความหมายไพ่เป็นบวกมากแทบทุกใบ (ใน Thoth นี่ เน่าแทบทุกใบโดยเฉพาะ 7 ถ้วย)
  • หมายเลข 8
    • หมายถึงการขยับขยายเติบโตในแง่ของธาตุ แต่ว่าการขยับขยายควรมีความเคลื่อนไหว ซึ่งไม่มีใน เหรียญ ถ้วย และดาบ ทุกอย่างดูนิ่งมากๆ จนคิดว่า การขยายคือขยายความมั่นคงจาก 4 มาเป็น 8 หรือเปล่า คือมั่นคงยิ่งขึ้น
  • หมายเลข 9
    • หมายถึงการหยุดพัก การสิ้นกำลัง อันนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และยังขยายความสิ่งที่เคยรู้มาคือ เป็นเลขที่บ่งบอกถึงเรื่องราวที่ใกล้จะจบแล้ว ทุกอย่างอยู่ในสภาวะนิ่ง เพื่อรอให้ทุกอย่างมันจบ
  • หมายเลข 10
    • หมายถึงจุดสิ้นสุด อันนี้ก็ตรงกับที่เคยเรียนรู้มา แต่ที่เพิ่มเติมคือ สามารถบอกได้ว่า เป็นการพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้อีกด้วย

โดยรวมแล้ว ได้ความหมายใหม่ๆมาค่อนข้างเยอะ และเข้าใจไพ่มากขึ้น แต่ก็มีบางอย่างที่ขัดกับสิ่งที่รู้มา เช่น เลข 6 และ 7 แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นอีกมุมมองนึงที่น่าสนใจ

ส่วนเรื่องของ Court Card มีเรื่องที่น่าสนใจมากๆคือ

  • เรื่องของเพศของเจ้าชะตา กับเพศในไพ่ที่ปรากฏ
    • สำหรับ Queen ถ้าเจ้าชะตาเป็น หญิง ความหมายจะเป็นในเชิงบวก ถ้าเป็ยชาย ความหมายจะเป็นในเชิงลบ ประมาณว่า โดนดูถูกดูแคลน หรือความสามารถไม่ถึง
    • สำหรับ King ถ้าเจ้าชะตาเป็น หญิง ความหมายจะเป็นในเชิงลบนิดหน่อย ประมาณว่า ทำเกินหน้าที่ หน้าที่หนักเกินไป แต่ถ้าเป็นชาย ความหมายก็จะเป็นในเชิงบวก
  • ส่วนเรื่องอื่นๆก็คล้ายๆกับสิ่งที่รู้มา

จบในส่วนของ Part 2 ใน Part สุดท้าย จะเขียนถึงการอ่านไพ่ ซึ่งได้เจอมุมมองใหม่ๆที่น่าสนใจอยู่เยอะเลยทีเดียว (แม้ว่าบางอย่างจะขัดกับความรู้สึกก็ตาม)

Part อื่นๆ

Seminar : ZTAROT Part 1/3

เมื่อวันที่ 27 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเข้า สัมมนาไพ่ทาโรต์ภาคพยากรณ์สู่ระดับมืออาชีพ รุ่นที่ 2 ที่จัดโดย ชมรมไพ่ทาโรต์และฮวงจุ้ย (ZTAROT) โดยผู้สอนคือ อาจารย์พรหมพจน์ วิบูลเตโชกิตติ์ (ซินแสซี)

โดยรวมของการสัมมนาในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดมุมมองอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับไพ่ Tarot โดยเฉพาะเรื่อง Numerology และความหมายต่างๆในเฉิงลึกของไพ่แต่ละใบ โดยการเขียนครั้งนี้ อาจจะต้องแยกเป็นหลายตอนหน่อย เพราะมีเรื่องที่น่าสนใจเยอะทีเดียว

เริ่มต้นด้วยการอธิบายความโครงสร้างของไพ่และตัวเลขแต่ละตัว ตั้งแต่ 0-9 ของไพ่ Major กันก่อนละกัน

สิ่งที่น่าสนใจในหัวข้อนี้คือ

  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 0
    • นอกจาก Fool แล้ว ยังรวมถึง Wheel และ Judgement อีกด้วย ซึ่งหมายถึงการไม่มีอะไร การเริ่มใหม่ และการสิ้นสุด ซึ่งทั้งหมดนี้ ลงท้ายด้วย 0
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 1
    • กล่าวถึงการเริ่มต้น ซึ่งที่น่าสงสัยคือ ไม่เคยคิดเลยว่า Magician หมายถึงการเริ่มต้น เพราะปกติจะคิดถึงคนที่มีความสามารถ ชอบแสดงออก จะว่าเป็นเพราะดาวพุธก็ไม่น่าจะใช่ เรื่องนี้คงต้องไปลองศึกษาเพิ่มดู

      HighPriestess.jpg

      เธอมีพันธะอะไรหรือเปล่านะ ??

  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 2
    • เป็นเลขแห่งพันธะ ซึ่ง Justice และ Judgement  ต่างก็มีพันธะในเรื่องของผมของการกระทำ
    • แต่
       ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับพันธะอย่างไร และไพ่ใบนี้เป็นไพ่ที่มีปัญหามากเวลาทาย คือแปลไม่ถูก มักจะอ้างอิงกับคนที่เป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่ แต่อาจารย์ได้ให้หลักการไว้ประมาณว่า เป็นความลับ ความไม่รู้ สิ่งที่ปิดบัง มีสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ พูดง่ายๆคือถ้าเจอไพ่ใบนี้แปลว่า ยังอาจจะหาคำตอบไม่ได้ หรือมีความลับซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นหลักการที่ทำให้เข้าใจอะไรขึ้นเยอะเลย
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 3
    • คือการวิวัฒนาการ ถ้ามอง Empress กับ World ก็ง่ายหน่อยเพราะมันเห็นภาพ แต่อย่าง Hangman (เบอร์ 12) ได้ให้หลักการไว้ว่าเป็นเรื่องสมมติ เรื่องไม่จริง เรื่องมโน เพราะได้รับผลมาจากดาวเนปจูน จะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาการ หรือความสำเร็จได้ยังไงนะ หรือว่าจะเป็นการทรมาน หรือทำร้ายตนเองด้วยความคิด จนเข้าใจในสิ่งต่างๆ เหมือนการบำเพ็ญทุกรกิริยา
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 4
    • ความมั่นคงและแน่นอน ซึ่งทั้ง Emperor แล้ว ยังมี Death รู้สึกได้แบบนั้น เป็นแนวคิดที่รู้สึกทำให้เข้าใจไพ่มากขึ้น

      Temperance.jpg

      สายกลาง….

  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 5
    • อันนี้ตามตำราหมายถึงการดำรงอยู่ทางสายกลาง
    • อืมมม… Temperance (เบอร์ 14) โดยปกติเราจะคิดว่ามันคือการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้พบในสิ่งที่ดีกว่า ใหม่กว่า แต่เพราะเป็นไพ่ที่มีโครงสร้างที่เดียวกับ Hierophant ความหมายจึงต้องคล้ายๆกัน คือการเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่สมดุล หรือจนกว่าจะเข้ากันได้ (สายกลาง) อีกครั้ง
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 6
    • Lover กับ Devil ซึ่งน่าประหลาดใจมากที่ไพ่ 2 ใบนี้อยู่ในโครงสร้างเลขเดียวกัน ซึงกล่าวถึงความชอบและความลุ่มหลงได้เหมือนกัน
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 7
    • Chariot และ Tower มีพลังถึงความเคลื่อนไหว การที่ต้องต่อสู้เพื่อความมั่นคง ซึ่งทั้งสองใบเป็นอะไรที่สามารถสื่อในทางเดียวกันได้ แม้ว่ามันจะเป็นไพ่จากราศีกรกฎ และ ดาวอังคารก็ตาม (ทั้งสองไม่น่าเข้ากันได้ในแง่ของความหมายและธาตุ)
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 8
    star.jpg

    แผ่ขยาย

    • เป็นการแผ่ขยายให้ยิ่งใหญ่ ซึ่งยิ่งดูก็ค่อนข้างสับสน ในส่วนของ Strength อาจจะเป็นการขยายความสำเร็จในใจที่สามารถควบคุมสิ่งรอบข้าง หรือสิ่งที่กลัวได้ ส่วน Star คือมีความหวัง (แล้วมันแผ่ขยายยังไงนะ) ซึ่งตรงนี้คงต้องศึกษาตำราอื่นๆเพิ่มเติม
  • ไพ่ที่มีโครงสร้างหมายเลข 9
    • เป็นความเสื่อมสภาพ และความเดียวดาย ซึ่ง Moon ค่อนข้างชัด แต่ถ้าให้ Hermit แสดงถึงความแก่ ความชรา ความหมดแรง ก็อาจจะขัดจากที่ศีกษามาว่า Hermit คือผู้ที่เรียนรู้จนแตกฉาน รู้ถึงแก่นแล้วถึงจุดยอดของศาสตร์นั้น และที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวนั้น คือไม่สุงสิงกับใคร แต่เป็นการรอให้คนอื่นเข้ามาหามาเข้าใจมากกว่า ซึ่งเป็นอีกความหมายนึงที่น่าสนใจ

 

 

สำหรับใน Part 1 ก็คงจะประมาณนี้ ใน Part ถัดไปจะเป็นในส่วนของ Minor และ Court Card และอาจจะมี Part สุดท้ายเพื่อสรุปอีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ลองติดตามกันดูนะครับ

Case Study : Ten of Wands

ทายสามีภรรยาให้ราคี ทายชีวิตวิบัติตัดชันษา ทายคุณโทษทารกทาริกา เรียนโหราครูห้ามการทำนาย

อดีตเขากล่าวกันอย่างไร ปัจจุบันก็ยังใช้ได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหมอดูจริงๆ หรือเป็น Tarot Reader เรื่องความรักของสามีภรรยา เรื่องลูกเต้า โดยเฉพาะเรื่องความตายก็คงยังเป็นสิ่งที่ไม่ควรทาย หรือรับดวงใครที่ป่วยหรือที่มีปัญหาหนักๆมาดูอยู่ดี

Case นี้เป็นน้องที่ทำงาน มาถามเกี่ยวกับคุณตา ที่ตอนนี้ป่วยอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร จริงๆแล้วจับไปได้ 3 ใบแต่ไพ่ที่เด่นที่สุดคือไพ่ 10 ไม้เท้า

10w.jpg

ความคิดแรกที่เห็นเลยคือ มีภาระเยอะมาก หนักสุดๆ กำลังจะหมดแรงแล้ว ไม่รู้ว่าจะวางเมื่อไหร่ดี ปกติไพ่ใบนี้ไม่ได้เป็นลบซะทีเดียว จะเป็นอารมณ์แค่รู้สึกเหนื่อย รู้สึกหนักใจ แต่พอมาเป็นเรื่องสุขภาพ ยิ่งเป็นของคนที่ล้มหมอนนอนเสื่อด้วยแล้ว ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เหมือนอาการโค่มาสุดๆ

เลข 10 แสดงถึงจุดสิ้นสุด จุดสุดท้าย พลังของไฟได้หมดสิ้นแล้ว ไม่มีแรงกระตุ้นที่จะไปต่อ รวมถึงหมดแรงทั้งกายและใจ

ในทางดาราศาสตร์ ยังเป็นดาวเสาร์ในราศีธนู นั่นคือ ความหวัง ความก้าวหน้า หรือการฟื้นตัวถูกปิด ถูกจำกัด ถูกขวางด้วยพลังดาวเสาร์ ยิ่งทำให้ไพ่ใบนี้ดูลบสุดๆ

ที่อ่านไปตอนนั้นคือ เริ่มหมดแรงแล้ว เริ่มที่จะสู้ไม่ไหว แต่ในตอนนั้นยังมีไพ่ข้างเคียงที่ยังพอปรับให้มันเป็นบวกไปได้ ก็แนะนำและให้กำลังใจกันไป

แต่สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดก็เกิดขึ้น คนที่เสียใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเจ้าตัว แต่คนที่เสียใจไม่พ้นกันก็คือคนที่เปิดไพ่ให้เจ้าตัว อาจจะเป็นเพราะแบบนี้ที่คนโบราณว่าไว้ว่า อย่างทำนายเรื่องชีวิต ว่าจะอยู่ต่อได้เท่าไหร่ จะรอดไหม เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าเหตุนั้นมันเกิด คนที่ทุกข์ใจก็หนีไม่พ้นคนที่พูดไปอยู่ดี

ครั้งนี้จึงเป็นบทเรียนที่สำคัญมากๆว่า เรื่องที่ค่อนข้างเปราะบางนั้น อย่ารับดูเลยดีกว่า โดยเฉพาะเรื่องความเป็นความตายแบบนี้ สุดท้ายนี้ก็ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับน้องคนนั้นด้วยแล้วกับครับ

Case Study : The Tower

เมื่อวันก่อนได้เปิดไพ่ให้น้องคนนึง โดยใช้วิธีการทำนายใหม่ ซึ่งใช้วิธีหยิบๆจากหลายๆสำนักเข้าด้วยกัน โดยวิธีคร่าวๆมีดังนี้

  1. ให้ผู้ที่มาดู สับไพ่ เท่าไหร่ก็ได้ แล้วก็ตัดไพ่ ตามปกติ โดยระหว่างที่สับนั้น ให้ทำใจให้โล่งๆเป็นสมาธิ
  2. จากนั้นเราก็กรีดไพ่เป็นครึ่งวงกลม
  3. ให้ผู้มาดูคิดคำถามในใจ สำหรับจำนวนไพ่ที่จะหยิบต่อคำถาม ก็แล้วแต่ความเหมาะสม ครั้งแรกอาจจะ 3 ใบ แล้วหลังจากนั้นถ้าต้องการขยายความก็ให้หยิบเพิ่มครั้งละ 1-2 ใบ
  4. แต่ถ้าไม่มีคำถาม (ซึ่งพบบ่อยมากกกก) ก็จะดูแบบเรื่องทั่วไป ก็ให้หยิบไพ่ 4 ใบ
    1. ใบที่ 1 ธาตุไฟ : เกี่ยวกับโปรเจค หรือโครงการ งานที่จะเริ่มเร็วๆนี้ หรือไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
    2. ใบที่ 2 ธาตุน้ำ : เกี่ยวกับความรัก ครอบครัว อารมณ์
    3. ใบที่ 3 ธาตุลม : ปัญหา อุปสรรค การสื่อสาร
    4. ใบที่ 4 ธาตุดิน : เงิน บ้าน ที่อยู่ ทรัพย์สิน

 

ซึ่งเหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างมาวันนี้ คือ ตำแหน่งไพ่ใบที่ 4 ธาตุดิน ได้ The Tower โดยการแปลที่ออกมาได้ดังนี้tower

  • คาดว่าน่าจะมีการปรับปรุง สร้างบ้าน ย้ายบ้าน
  • มีเหุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกระทันหัน จนทำให้ไม่สามารถดำเนินการเกี่ยวกับบ้านได้ต่อ
  • มีปัญหาเรื่องเงิน เช่น ต้องใช้เงินฉุกเฉิน (แต่คิดว่าไม่น่าใช่ เพราะถึงธาตุดินจะสื่อถึงเงิน แต่ภาพเป็นอาคาร น่าจะเป็นบ้านมากกว่า)

สรุปคือสิ่งที่เกิดขึ้นคือ กำลังปรับปรุงบ้าน แต่ช่างที่ทำนั้นไม่สามารถทำต่อได้ ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย ซึ่งตรงกับที่คิดเอาไว้ครั้งแรก

 

 

หลังจากที่ดูไป วันนี้น้องมาบอกว่าเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น คือ กุญแจบ้านหาย (วัตถุ,กระทันหัน) ประสบอุบัติเหตุที่เกิดจากรถยนต์ (วัตถุ,กระทันหัน) และเรื่องอื่นๆที่เกิดขึ้นที่บ้าน ซึ่งจริงๆแล้วไม่ได้พูดไว้ เนื่องจากตอนดูนั้น ได้ Focus ไปที่ปัญหาเรื่องบ้านมากกว่า

สิ่งที่น่าสนใจจาก The Tower

  • Tower เป็นไพ่ประจำ ดาวอังคาร แสดงถึงพลัง แสดงว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อคนที่มาดู
  • เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งธาตุดิน สิ่งที่ได้รับผลกระทบอาจจะเป็น บ้าน เงิน ที่ดิน แม้แต่ตัวเขาเอง
  • โดยปกติ Tower แปลได้ถึงการกวาดล้าง คือโละของเก่า และสร้างของใหม่ขึ้นมาแทนที่

Tarot Reading : Forex Trading

วันนี้มาแปลกนิดนึง เนื่องจากช่วงนี้ให้ความสำคัญกับการหาเงินมาก ก็เลยอยากได้ความมั่นใจ โดยการเปิดไพ่ดูว่า สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไร ก็จับไพ่ได้มาประมาณนี้ (ไม่มี Spread อะไรเลย จับ 3 ใบอย่างเดียว)

00 Full Read 1

Q : คำถามแรกถามไปว่า การเทรด Forex ของเราจะเป็นอย่างไร (ชุดบน)
  • เห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดมาก เหมือนกำลังบอกว่า ตอนนี้ยังไม่พอใจกับผลลัพท์ที่ได้ พูดไปก็เหมือนแทงใจดำ เพราะไพ่ใบที่สองก็บอกอยู่แล้วว่า สงครามนี้มีทั้งแพ้ทั้งชนะ แต่พอมองลึกลงไป ก็รู้สึกได้ว่า ความเจ็บ และความล้มเหลวนี้แหละ ที่จะทำให้สามารถชนะตลาดนี้ได้ ดูจาก 3 ดาบที่ใบแรก และ 3 ดาบบนมือของใบที่สอง เหมือนไพ่บอกว่า ให้นำความผิดพลากนั้นแหละ มาใช้ มองความผิดพลาดของคนอื่น แล้วทำมาใช้พัฒนาตัวเองให้แกร่งขึ้น อาจจะผิดหวัง ล้างพอร์ทบ้าง แต่นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ใบที่สามเหมือนจะบอกว่า เรากำลังก้าวเดิน เริ่มต้น สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือการคุมอารมณ์ อย่าเริ่งรีบจนเกินไป
  • เมื่อดูจากในภาพแล้ว จะเป็นได้ว่าไพ่ 3 ดาบมีเมฆดำอยู่ด้านหลัง แต่ของ 5 ดาบเมฆเริ่มโดนพัดปลิวไป ความรู้สึกคิดว่าไพ่สองใบนี้เชื่อมต่อกัน โดย 5 ดาบเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง 3 ดาบ และคนที่ 5 ดาบ ถือดาบไว้เพียง 3 เล่ม ซึ่ง 3 เล่มนี้น่าจะมาจากใบ 3 ดาบ หากพูดเป็นภาษาง่ายๆก็คือ สิ่งที่จะสามารถทำให้เราผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายได้ คือการนำความผิดพลาดในอดีตมาใช้ ทิ้งแนวคิดบางอย่างไปบ้าง ใช้เท่าที่จำเป็น แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
  • สิ่งที่น่าสนใจของชุดแรกคือ ถ้าเป็นไพ่ Thoth คงไม่สามารถมองในแง่บวกได้แน่ๆ เพราะภาพมันติดลบสุดๆ ทั้งเสียใจและพ่ายแพ้ แต่ถ้ามองดีๆ ดาบคือความคิด นั่นแปลว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้คือความคิดยังเป็นลบ 3 ดาบคือการยึดติดกับหลักการที่เคยรู้มา และความคิดนั้นค่อนข้างฝังใจ และ 5 ดาบคือยึดติดกับสิ่งที่คิด สิ่งที่อยากให้เป็น คิดเข้าข้างตัวเอง สรุปคือทุกอย่างที่เป็นปัญหาคือการยึดติดกับความคิดของตัวเอง เพราะฉะนั้น ทางที่ดีความจะปล่อยความคิดให้ได้ยืดหยุ่นบ้าง เหมือนไพ่ 5 ดาบของ RWS ที่ทิ้งดาบบางเล่มไป
  • ธาตุลมของชุดนี้ Strong มากจริงๆ
  • ไพ่ 3 ดาบเป็นไพ่ดาวเสาร์ในราศีตุลล์ เหมือนกับตอนนี้เราพยายามจะตีกรอบความคิดเกี่ยวกับการเทรดว่าตอนนี้ อะไรที่ถูก และอะไรที่ work ซึ่งการทำแบบนี้ทำให้เครียดและหมกมุ่น และยังไม่ยืดหยุ่นอีกต่างหาก
  • ไพ่ 5 ดาบเป็นดาวศุกร์ในราศีกุมภ์ คือใจนึงก็อยากลัลล้า ไม่มีภาระ แต่อีกใจนึงก็ต้องการเปลี่ยนแปลง ความแปลกใหม่ ชีวิตที่ดีกว่าเดิม ซึ่งต้องจูนเข้าหากันให้ได้ แต่เนื่องจากสองอย่างนี้มันต่างกันสุดๆ การปรับเข้าหากันจึงจะต้องมีฝั่งใดฝั่งหนึ่งลดทอนกำลังของตัวเองลง เช่น ลดความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลง หรือลดความไร้สาระลงบ้าง
  • ไพ่ Knight of Cup เกือบจะไม่มีบทบาท แต่จริงๆแล้วคิดว่าเป็นไพ่ใบสำคัญที่กล่าวถึงเรื่องการควบคุมอารมณ์และสถานะปัจจุบัน โดยตอนนี้เหมือนเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ให้ควบคุมอารมณ์ให้ดี อย่าฟุ้งซ่านง่ายๆ
  • ไพ่ Knight of Cup ของ RWS เป็นธาตุไฟ ถ้วยเป็นธาตุน้ำ เพราะฉะนั้น สองธาตุที่ต่างกันสุดขั้วขนาดนนี้มาอยู่ด้วยกันต้องระมัดระวังให้มาก

Q : จะเป็นอย่างไรถ้าเทรดแบบ Scalping (ชุดซ้าย) มีคำแนะนำอะไรไหม (ใบเดียวด้านล่าง)

  • เมื่อดูจากไพ่แล้วรู้สึกได้ว่า น่าจะเอาดีด้านนี้ได้ แต่ว่าการเป็น Scalper ที่ดีนั้น จะต้องตัดสินใจเด็ดขาด (ต้องคิดมาดีแล้วด้วยนะ) ต้องกล้าตัดสินใจ และจะให้ดี จะต้องรู้ซึ้งถึงวิธีการเป็นอย่างดี ถ้าทำสิ่งเหล่านี้ได้ก็จะประสบความสำเร็จ (10 เหรียญเลยนะ)
  • ไพ่ 10 เหรียญเป็นไพ่ที่น่าสนใจตรงที่ว่า เป็นไพ่ให้คำแนะนำ หรือ ไพ่ผลลัพธ์กันแน่?? ถ้ามองในมุมไพ่แนะนำคือ ทุนต้องหนาหน่อยนะ ต้องมีพร้อมนิดนึง มั้งทรัพย์และเวลาที่ต้องนั่งคอม ถ้านแง่ผลลัพธ์ก็สำเร็จนั่นแหละ รายได้เยอะจนนั่งเล่นกับหมาอยู่บ้านได้
  • ไพ่แนะนำคือ 4 เหรียญ ความรู้สึกที่เห็นคือ คงต้องนั่งเทรดหน้าคอมทั้งวัน ต้องงกเข้าไว้ แต่อีกมุมคือ ต้องรักษาทุนไว้ให้ดีๆ เพราะการเป็น Scalper มันมาเร็วไปเร็ว
  • จุดที่น่าสนใจคือ 10 เหรียญกับ 4 เหรียญ คือลักษณะเป็นท่านั่ง และนั่งแบบรากงอกซะด้วย แบบไปไหนไม่ได้ แม้ว่า 10 เหรียญเป็นไพ่ดี แต่ก็ยังนั่งอยู่กับบ้าน ออกไปไหมไม่ได้ ต้องรับผิดชอบการเทรด ส่วนไพ่ 4 เหรียญคือ ถึงได้ออกไปไหน ก็ยังต้องมานั่งพะวงกับทางเทรดอยู่ดี
  • โดยสรุปแล้ว การเทรดแบบ Scalper มีโอากาสทำให้รวยและประสบความสำเร็จได้ แต่ก็อาจจะต้องแลกกับการมานั่งเฝ้าจอคอมทั้งวัน

Q : จะเป็นอย่างไรถ้าเทรดแบบ Swing หรือ Long term (ชุดซ้าย) มีคำแนะนำอะไรไหม (ใบเดียวด้านล่าง)

  • ชุดที่สองดูแล้วก็มีแนวโน้วที่จะประสบความสำเร็จเหมือนกัน แต่มาสะดุดก็ตรง Tower นี่แหละ ดูภาพรวมก่อนจะได้ว่าน่าจะประสบความสำเร็จในแบบพอดีๆ ไม่หวือหวา แต่อาจจะมีการล้างพอร์ตไปก่อน แต่การล้างครั้งนี้ไม่ได้ล้างแค่เงิน แต่เป็นการล้างความคิดในการเทรดมาทั้งหมด ซึ่งหลังจากการล้างแล้ว น่าจะทำให้อะไรๆดีขึ้น ผลกำไรงอกเงยในขณะที่ตัวเองไปเที่ยวได้ ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ต้องเจ็บมาก่อน โดยส่วนตัวคิดว่าไพ่ผลลัพธ์คือ Empress ดูได้จากทุ่งข้าวสาลีบานสะพรั่ง แล้วรู้สึกเหมือนเป็นเทพแห่งการเทรด พร้อมเก็บเกี่ยว และดูแล้ววิธีการเทรดนั้นเครียดน้อยกว่าการเป็น Scalper เยอะเลย ฝั่งนี้เหมือนนั่งเฉยๆ รอกำไรเข้ามาตัว
  • ไพ่ Tower เป็นไพ่ที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นไพ่ติดลบสุดๆ หมายถึงการทำลาย กวาดล้าง ก่อนที่จะมีอะไรใหม่ขึ้นมา พูดง่ายๆคือ โละของเก่าเตรียมสร้างของใหม่ ซึ่งในที่นี้สามารถสื่อถึงได้หลายอย่างเช่น เงิน ความคิด แนวคิด
  • ไพ่ 3 ถ้วย นอกจากจะเป็นไพ่ดีแล้ว ยังสามารถเป็นไพ่เตือนได้อีกด้วยว่า ถึงแม้ว่ากำไรจะงอกเงยก็อย่าลัลล้าจะลืมกลับมาเก็บกำไร ลัลล้ามากเกินไปกลับมาอีกทีขาดทุนแล้วจะหาว่าไม่เตือน
  • ไพ่คำแนะนำคือ 5 ถ้วย พอมองไพ่รู้เลยว่าไพ่ใบนี้เชื่อมกับ Tower เพราะการเทรดไม่มีคำว่ากำไรตลอดเวลา เพราะฉะนั้น การเทรดแบบนี้อาจจะเจอ loss มากกว่า win แต่สุดท้ายแล้วก็ยังกำไรอยู่ดี (ดูจาก 2 ถ้วยที่ยังตั้งอยู่) เพราะฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดในการเทรดแบบนี้คือยอมรับการขาดทุน (ที่นิดเดียว) ให้ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว การเทรดแบบนี้คือการเทรดเพื่อให้ได้กำไร ไม่ใช่ให้ถูกต้อง

 

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จับไพ่เยอะ และนำลงมาเขียนอย่างจริงๆจังๆ รู้สึกว่าความคิดมันไหลออกมาเรื่อยๆเลย มีบ้งที่ติดขัด แต่พอเห็นความเชื่อมโยงแล้ว มันก็เขียนได้ลื่นมากๆ

แต่สุดท้ายแล้ว ก็ยังตัดสินใจไม่ได้อยู่ดีว่าจะเลือกแบบไหนดี จริงๆไพ่ชุดนี้จับตั้งแต่เมื่อเช้า และตอนเช้าก็ค่อนข้างแน่ใจว่าจะเลือกแบบ Scalper เพราะเห็น 10 เหรียญ แต่พอลองมาพิมพ์และมองลึกลงแต่ละใบก็รู้สึกว่า มันก็ดีกันคนละแบบ สุดท้ายแล้วก็สำเร็จทั้งคู่ ซึ่งในใจก็คิดว่า คงต้องลองทั้งสองแบบ แล้วแบบไหนเข้ากับตัวเองที่สุด ก็คงเลือกแบบนั้นไป

การจับไพ่แบบนั้นก็สนุกไปอีกแบบ คราวหน้าจะต้องหาคำถามแล้วลองเปิดไพ่แบบนี้ดูบ้างซะแล้ว