สีมงคล สีนำโชคในแต่ละวัน

สีมงคล สีนำโชค ในแต่ละวัน

ข้อมูลจาก  :  www.duangnam.com

ปกติในวิดีโอดูดวงรายเดือนของผม แต่ละราศีจะมีสีนำโชคของแต่ละราศีอยู่แล้ว แต่ในบทความนี้จะเป็นสีที่คุณสามารถเลือกใช้ได้ทุกวัน รวมถึงสีที่ไม่ควรใช้ด้วย

สีแต่ละสีนั้นสามารถเสริมพลังในเรื่องที่แตกต่างกันไป โดยในที่นี้จะเน้นที่ 4 เรื่องหลัก คือ

  1. โชคลาภ : โดยเฉพาะเรื่องของการเงิน
  2. ความสำเร็จ : ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเรียน หรือการแก้ปัญหาต่างๆ
  3. อำนาจ : สามารถช่วยให้มีอำนาจในการทำสิ่งต่างๆ ผู้คนเคารพในการตัดสินใจ
  4. บริวาร : ช่วยเรื่องเพื่อนพ้อง หรือแม้แต่ลูกน้องที่ทำงานร่วมกัน

การใส่สีมงคล สีนำโชคที่ง่ายที่สุดคงไม่พ้นการสวมเสื้อสีนั้นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมเรื่องกาละเทศะ ไม่ว่าคุณต้องการเสริมพลังมากแค่ไหน ความเหมาะสมเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แต่หากคุณต้องการที่จะใช้สีนั้นเสริมพลังจริงๆ ยังมีวิธีอื่นๆที่พอสามารถทำได้ ซึ่งผมได้เขียนไว้อยู่ในบทความก่อนหน้านี้

รูปด้านล่างนี้จะเป็นสีนำโชค สีมงคลแยกตามวันต่างๆ

วันอาทิตย์

วันจันทร์

วันอังคาร

วันพุธ

วันพฤหัสบดี

วันศุกร์

วันเสาร์

วิธีใช้สีนำโชคในแต่ละเดือน

สีแต่ละสีที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันต่างมีพลังที่ซ่อนอยู่ บางสีสามารถทำให้เรามีพลัง บางสีทำให้เรารู้สึกสดชื่อ หรือบางสีก็สามารถทำให้เรารู้สึกสงบ และมีสติ การใช้สีเพื่อเสริมพลังหรือนำโชค นอกจากจะทำเสริมพลังให้กับตัวเองแล้ว ผู้คนรอบๆก็สามารถได้รับผลหรือพลังจากสีนั้นๆด้วยเช่นกัน

การใช้สีเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสีของเสื้อเพียงอย่างเดียว สำหรับเนื้อหาของโพสนี้จะพูดถึงการใช้สีในแบบต่างๆที่สามารถใช้ได้ เพื่องานต่อการหา การพก ไม่ว่าจะเป็นผู้หญฺงหรือผู้ชายก็สามารถใช้ได้เช่นกัน

เครื่องแต่งกาย

อันนี้ง่ายที่สุดและค่อนข้างจะได้ผลที่สุด เพราะว่ามองเห็นได้ชัดเจน

สำหรับผู้หญิง เครื่องแต่งกายนั้นอาจจะเป็นทั้งเสื้อ กระโปรง รองเท้า หรือแม้แต่กางเกงก็ได้ และ สำหรับผู้ชายก็อาจจะเป็นเสื้อเชิ๊ต โปโล รองเท้า หรือถุงเท้าก็ได้เช่นกัน

เครื่องประดับ

หากบางท่านที่ทำงานที่มีเครื่องแบบ อาจจะไม่สามารถเปลี่ยนสีเสื้อของตัวเองให้เป็นสีนำโชคประจำเดือนนั้นๆได้ การใช้เครื่องประดับก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถนำสีนำโชคพกติดตัวไปที่ได้ก็ได้

สำหรับผู้หญิง เครื่องประดับอาจจะเป็นได้ทั้ง กิ๊บติดผม ยางรัดผม สร้อยคอ ผ้าพันคอ ต่างหู หรือแหวน แม้กระทั่งกระเป๋าเงินก็ได้เช่นกัน

สำหรับผู้ชายก็อาจจะใช้เนคไท ผ้าเช็ดหน้า นาฬิกา หรือกระเป๋าเงินก็ได้เช่นกัน

สิ่งของอื่นๆที่นำติดตัวได้

หากท่านไม่สามารถสวมเครื่องประดับได้ ท่านก็สามารถพกสิ่งของที่มีนำโชคได้เช่นกัน เช่น ธนบัตร 20 (สีเขียว) 50 (สีฟ้า-น้ำเงิน) เป็นต้น หรือจะเป็นพวงกุญแจ ปากกา รูปภาพ หรือสำหรับผู้หญิงการทาเล็บก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำได้

หากไม่มีของเหล่านี้การพกเศษผ้า หรือเศษกระดาษก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ผลที่ได้อาจจะน้อยมากๆ

การทานอาหาร

การเลือกทางอาหารที่มีสีนำโชคก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่อาจจะต้องเลือกทานหน่อยโดยเฉพาะเดือนที่ท่านได้สีนำโชคที่เป็นสีแปลกๆ เช่นมีฟ้า สีเทา ซึ่งอาจจะหาอาหารทานได้ยาก แทนที่จะทานอาหารสีเหล่านั้นลองหาช้อน หรือภาชนะที่เป็นสีเหล่าทดแทนได้เช่นกัน

การนั่งสมาธิ หรือเพ่งสี

หากหาไม่ได้แล้วจริงๆ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็หาสิ่งที่เป็นสิ่งของติดตัวไม่ได้ แนะนำให้ใช้การนั่นสมาธิระลึก หรือจินตนาการสีเหล่านั้น หรือหากไม่สามารถนึกถึงสีที่แน่นอนได้ ก็สามารถหารูปภาพ หรือค้นหาภาพจากอินเตอร์เนต จากนั้นให้ทำสมาธิโดยดูภาพนั้นไปด้วย การทำสมาธิและการมองสีก็สามารถรับพลังจากสีนั้นๆได้เช่นกัน

การใช้สีนำโชค สีเสริมพลังเป็นเพียงแค่ตัวช่วยแค่ส่วนหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องลงมือทำ และใช้พลังเหล่านั้นในทางที่ถูกต้อง หากคุณทำอย่างเต็มที่แล้ว สีจะเสริมคุณให้ผลที่ออกมาดียิ่งขึ้นไปอีก

วิธีใช้เลขนำโชคในแต่ละเดือน

ตัวเลขแต่ละตัวมีความหมายที่แตกต่างกัน บางเลขหมายถึงการเริ่มต้น บางเลขหมายถึงความมั่นคง และบางเลขก็หมายถึงโชคลาภที่กำลังจะเข้ามา การใช้เลขเหล่านี้ไม่จำเป็นจะต้องนำไปเสี่ยงดวง ซื้อเลขท้าย หรือการพนัน การใช้เลขเหล่านี้กับเรื่องต่างๆ เช่น เวลา หรือจำนวนเงินก็ได้เช่นกัน

เลขท้ายธนบัตร

หากคุณมีธนบัตรที่มีเลขท้ายเป็นเลขนำโชคของคุณประจำเดือนนั้น อย่าลังเลที่จะเก็บมันเอาไว้ในกระเป๋าเงินของคุณ แต่ก็เก็บให้มิดชิดหน่อยเพื่อป้องกันเวลาคุณเผลอจะได้ไม่หยิบนำไปใช้

ผลรวมของเงินในกระเป๋า

หากคุณหาเลขท้ายธนบัตรได้ยาก ก็สามารถใช้ผลรวมของเงินในกระเป๋าได้เช่นกัน ซึ่งกระเป๋าเงินนี้อาจจะแยกเอาไว้อีก 1 ใบ อาจจะเป็นกระป๋องเงิน หรือกระปุกก็ได้ แต่หากเลขนำโชคของคุณในเดือนนั้นเป็นเลข 0 ก็สามารถเก็บเงินให้ลงท้ายด้วย 0 ได้เหมือนกัน ไม่แนะนำให้ใช้เงินจนเหลือ 0 นะครับ

เวลาที่จะทำสิ่งต่างๆที่สำคัญ

คุณอาจจะใช้ช่วงเวลาที่เลขนำโชคของคุณปรากฎอยู่ ไม่ว่าจะเป็นชั่วโมง นาที หรือแม้แต่วินาที แต่หากเดือนนั้นคุณได้เลขที่มากกว่า 60 ขึ้นไป คุณอาจจะรวมเลขนำโชคแต่ละหลักก่อน เช่น 1000 ก็จะได้เป็น 1+0+0+0 => 1 เลข 1 ก็เป็นเลขนำโชคได้เช่นกัน

จำนวนบทสวด หรือจำนวนนาทีที่ใช้นั่งสมาธิ

หากคุณสวดมนต์หรือนั่งสมาธิเป็นประจำ การใช้เลขนำโชคเป็นตัวกำหนดระยะเวลาหรือจำนวนบทสวดก็สามารถใช้ได้เช่นกัน หากเลขนำโชคในเดือนนั้นของคุณเป็นเลขที่เยอะมาก เดือนนั้นคุณอาจจะแบ่งเป็นส่วนๆเพื่อทำให้ได้ครบทั้งเดือนก็ได้ เช่น เลข 100 คุณอาจจะแบ่งเป็น 10 บท ใน 10 วัน หรือนั่งสมาธิ 5 นาที 20 วันก็ได้

เลขเด็ด เสี่ยงดวง

อันนี้แนะนำว่าให้เล่นแต่พอดี เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้และเปลี่ยนแปลงได้อยู่เสมอ หากมีเลขจากที่อื่นๆ เช่น จากข่าว จากเพื่อนๆ แล้วเลขนั้นตรงกับของเราพอดี ก็มีโอกาสที่เลขนี้จะเป็นเลขของเราจริงๆ

การใช้เลขนำโชค เลขเสริมพลังเป็นเพียงแค่ตัวช่วยแค่ส่วนหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องลงมือทำ และใช้พลังเหล่านั้นในทางที่ถูกต้อง หากคุณทำอย่างเต็มที่แล้ว ตัวเลขจะเสริมคุณให้ผลที่ออกมาดียิ่งขึ้นไปอีก

The Fool เริ่มใหม่แบบไม่มีอะไรเลย

สวัสดีปีใหม่ ปี 2018 เป็นอีกหนึ่งปีที่ผ่านไปแบบงงๆ ไม่น่าเชื่อว่าปี 2017 นั้นมันจะผ่านไปเร็วขนาดนี้

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ค่อนข้างที่จะทุ่มเทในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง Tarot ในปีที่ผ่านมาก็ได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับไพ่มาตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหมาย เทคนิค การวางไพ่ แม้แต่เทคนิคความสัมพันธ์ของเลข ธาตุ และโหราศาสตร์ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า Tarot มันมีอะไรให้ศึกษาเยอะมากจนบางทีแทบจจะจับทางไม่ถูกว่าเรื่องไหนเชื่อมกับเรื่องไหน หรือพอศึกษาจบแล้วก็ไปต่อไม่ถูกว่าต้องรู้อะไรต่อ

แต่พอได้ศึกษาอะไรมาเยอะ ก็เริ่มมีคำถามเดิมๆที่เคยคิดไว้เมื่อนานมาแล้วว่า แล้ววิธีไหนได้ผลสุด แบบไหนแม่นสุด พอลองใช้สิ่งที่ศึกษามา เคร่งครัดในหลักการ มันก็ได้ผลออกมาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บางครั้งมันก็ทำให้เรายึดติดจนอ่านไพ่ไม่ออกเลยก็มี แล้ววิธีที่ศึกษามาเพิ่มนี้มันใช้ได้จริงหรอ

จนมานึกถึงวันแรกๆที่เริ่มอ่านไพ่ วันที่ไม่มีหลักการอะไรเลย แต่มันกลับทำให้การอ่านไหลลื่นแบบไม่ติดขัด หรือว่าการที่ไม่ยึดติดกับอะไรมันจะดีกว่า

หากเปรียบเทียบกับไพ่ Major ทั้ง 22 ใบ ตอนนี้ก็คงคิดว่าอยู่ที่ The World มันตัน มันมีกรอบ เรารู้ว่ามันมีเทคนิคที่สวยงาม และน่าใช้มากมายอยู่รอบตัว แต่เราจะใช้มันอย่างไรไม่ให้มันรัดตัวจนขัดขวางการอ่านไพ่ของเรา

พอลองมองไพ่ และลองนึกต่อไป เหมือนเคยอ่านที่ไหนซักที่ว่า The World นั้นเป็นจุดสิ้นสุดของสิ่งที่เราทำอยู่ มันไม่ใช่จุดสิ้นสุดจริงๆ มันเป็นปลางทางที่พร้อมจะให้ต้นทางของเส้นทางอื่นมาเชื่อมต่อให้เราเดินต่อไป เปรียบเหมือนวันสิ้นปี ที่ไม่ได้จบแล้ววันเวลาหายไป แต่เป็นวันที่พร้อมที่จะให้วันต้นปีของปีถัดไปมาเชื่อมต่อให้เราดำเนินชีวิตต่อไป

บางทีปีที่แล้วอาจจะเป็นจุดสิ้นสุดของการศึกษาเทคนิคต่างๆ เพื่อให้ปีนี้กลับมาเป็น The Fool อีกครั้ง เริ่มต้นในแบบของตัวเอง เริ่มต้นโดยไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องเคร่ง ปล่อยให้สัญชาตญาณเป็นตัวดึงเทคนิคเหล่านั้นออกมาเอง

เอาล่ะ ลองกันใหม่ ลองออกจากกรอบอันสวยหรูของ The World และมาเดินทางแบบ The Fool กันใหม่

แบบไม่มีอะไรเลย….

Screenshot_20170715-222052

Other : บันทึก ณ จุดเริ่มต้น

ย้อนกลับไปเมื่อสมัยยังเด็กๆ ตอนนั้นยังเป็นเด็ก Nerd ธรรมดาที่ชอบอ่านหนังสือ ทดลองวิทยาศาสตร์ เล่นเกมไปเรื่อยตามประสาเด็กๆ เมื่อก่อนนั้นยังไม่มีความเชื่อแม้แต่เรื่องผี หรือเรื่องเวทมนต์เลยด้วยซ้ำ

แต่พอมาวันหนึ่งลุงได้พาไปที่ท้องฟ้าจำลอง แถวๆเอกมัน และได้ดูดาวในท้องฟ้าจำลองเป็นครั้งแรก พร้อมกับรู้จักระบบสุริยะ ทำให้เกิดความสงสัยในใจว่า พวกนี้มันคืออะไร แล้วมันต้องมี 9 ดวง (ไม่รวมโลก)คำถามอะไรต่อมิอะไรก็ผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด

แล้วแถวๆนั้นก็ดันมีร้านหนังสืออยู่ จากการที่เป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วก็เลยแวะเข้าไปหาหนังสือที่เกี่ยวกับดาว อวกาศอะไรทำนองนี้ จากที่คาดหวังว่าจะได้หนังสือเกี่ยวกับดาวอย่างเดียว ดันได้หนังสือที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์มาด้วยซะงั้น (ซึ่งหนังสือเล่มนั้นกะว่าจะถ่ายมาให้ดู แต่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้) เลยทำให้รู้ว่า นอกจากดาวที่เราเห็นในระบบสุริยะแล้ว ยังมีกลุ่มดาวอีก 12 กลุ่ม แถมแต่ละกลุ่มยังมีความหมายที่เกี่ยวกับการทำนาย การทายนิสัยอีกด้วย

นั่นคือจุดที่เริ่มรู้จักกับการทำนายโดยใช้ราศีเป็นครั้งแรก แต่เนื่องจากยังเด็กเลยไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเท่าไหร่ แต่ก็สามารถท่องชื่อดาว สัญลักษณ์ของดาว และราศีได้ครับทุกตัว แต่เขียนได้อีกด้วย

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

จากนั้นพอขึ้น ม.ต้น ก็เริ่มรู้จักเรื่องของเวทมนต์มากขึ้นผ่านหนังสือ Harry Potter ประกอบกับเจอเพื่อนที่ชอบเรื่องนี้เหมือนกันก็เลยได้รู้จักทั้งการประกอบพิธี คาถา และการทำนายแบบต่างๆ (ถึงแม้ตอนนั้นจะยังเด็กแต่ก็ดูจริงจังมากๆ 5555)

ตั้งแต่นั้นมาก็เลยชอบเรื่องการทำนายมาโดยตลอด โดยอุปกรณ์ชิ้นแรกที่ซื้อมาคือ หนังสือ “Book of answer” หรือชื่อภาษาไทยว่า “ที่นี่ มี คำตอบ”

IMG_20161023_213743

เป็นหนังสือที่ให้คำตอบแบบกว้างๆ ถ้าเปรียบง่ายๆคงเหมือนเซียมซี แต่ข้อความสั้นกว่ามาก เป็นหนังสือที่ใช้เวลาอยากได้คำแนะนำ หรือยืนยันคำตอบก็ใช้ได้เหมือนกัน

ชิ้นที่ 2 ที่ได้มาติดๆกันนั้นคือไพ่ RWS Tarot ของอาจารย์ขุนทอง ที่มากับหนังสือ “ตำรายิปซี ภาคพิศดารปี 2000” ตอนนี้หนังสือไม่รู้หายไปไหนแล้ว แต่ไพ่ยังเก็บรักษาไว้อยู่ เป็นไพ่ที่หนามาก และทนพอสมควร ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่เลย (ไม่น่าเชื่อว่า 17 ปีแล้ว 55555)

wp-1496935974500.jpg

แต่พอขึ้น ม.ปลายก็ไม่ได้แตะต้องของพวกนี้อีกเลย จะกระทั่งทำงาน นับเวลารวมก็ประมาณเกือบ 10 ปี (โอ้แม่เจ้า) ที่ได้กลับมาจับของพวกนี้อีกก็คงเป็นเพราะได้ไปดูดวงกับเพื่อนคนนึง แล้วเหมือนได้ความประมาณว่าอาจจะได้เป็นเจ้าสำนัก ร่างทรงอะไรพวกนี้ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องการดูดวงหรือเปล่า แต่ก็ยังไม่มั่นในเท่าไหร่

พอกลับมาบ้านเลยคิดว่าลองหาดูซักหน่อย เผื่อยังไม่ได้ทิ้งไป เลยลองเดินไปที่ตู้เก็บของ (ที่เก่าและไม่ได้เปิดมานานมาก) พอเปิดปุ๊ปก็เจอปั๊ปเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือ “อืมมมม คงใช่แล้วล่ะ” เป็นการต้อนรับการกลับมาที่รวดเร็วดีจริงๆ

หลังจากนั้นก็ได้เริ่มศึกษาเรื่องไพ่อย่างจริงจัง(มากๆ) เนื่องจากเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว (แต่ไม่ค่อยไดอ่านไพ่ 5555) เลยได้รู้อะไรเกี่ยวกับไพ่เยอะมาก ทั้งด้านที่เกี่ยวกับการทำนาย และที่ไม่เกี่ยวกัน บางเรื่องก็ทำให้เราได้อึ้งเหมือนกันว่าสิ่งที่เราเคยเชื่อมา มันไม่ใช่เลย

ดังนั้น หลังจากที่ร่าย มินิประวัติการเข้ามาในวงการนี้ของตัวเองมาตั้งนานแล้ว หลังจากนี้อาจจะทยอยเขียนเรื่องไพ่ในแนวความคิดของตัวเองบ้าง บางทีอาจจะไม่ตรงกับในหนังสือ(ของไทย) หรือบางทีอาจจะไม่ตรงกับของใครเลยก็ได้ โดยส่วนตัวคิดว่าไพ่มันไม่ได้มีความหมายเดียว และมันยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอีกเยอะมากที่ต้องตามไปขุดมาศึกษา หวังว่าจะทำได้ครบทุกใบ (และอาจจะทุกสำรับ ถ้ามีกำลังพอ 555555)

ปล.หากใครที่เข้ามาอ่าน ก็ขอขอบคุณมากที่อ่านมาได้จนถึงตรงนี้ หลังจากนี้ไปคงไม่ใช่เรื่องของตัวผมเองละ จะเป็นเรื่องของไพ่มากกว่า ถ้าใครสนใจการเขียนแนวนี้ก็สามารถติดตามได้นะครับ 🙂

Other : เล่าให้ตัวเองฟัง

นานมาแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้มา update อะไรในนี้เลย วันนี้เลยมาเขียนอะไรนิดๆหน่อยๆ

เดิมทีที่ blog นี้กะว่าจะทำเป็นที่เก็บข้อมูลและเผยแพร่แนวคิดต่างๆที่เกี่ยวกับให้ให้คนอื่นได้รู้บ้าง แต่ทำไปทำมา แรงจูงใจเริ่มหดหาย ไม่รู้เพราะไม่มีคนมาอ่านหรือความสม่ำเสมอมันหดหายกันแน่ 55555

คราวนี้เลยคิดว่าคงต้องปรับเปลี่ยนวิธีกันอีกที คราวนี้อาจจะเป็นแบบเล่าเรื่องให้ตัวเราเองซะมากกว่า เอาสิ่งที่คิด หรือสิ่งที่นึกได้ในแต่ละวันมาทยอยเขียนลงไปบ้าง ถือว่าเป็นบันทึกประจำวันเลยก็ได้ หวังว่าคราวนี้คงสม่ำเสมอกว่าเดิมนะ 555555

จำได้ว่าเมื่อก่อนสมัยอยู่มหาวิทยาลัยนั้นชอบเขียน Blog มาก แต่หลังๆโดน Social Media อื่นๆดึงเวลาและความสนใจไปหมดเลย จากคนที่ขยันเขียนดันกลายเป็นคนขยันคิดอย่างเดียว (แถมไม่ลองลงมือทำด้วยนะ)

ครั้งนี้ตั้งเป้าหมายไว้กับตัวเองไว้เลยดีกว่าแบบง่ายๆ เขียนให้ได้อาทิตย์ละ 3 เรื่องก็ยังดี การเขียนอาจจะไม่มีความเป็นวิชาการเลยอยู่ก็ได้ เพราะอาจจะเป็นการคิดออกแล้วก็เขียนเลย อาจจะไม่มีการเรียบเรียงคำพูดที่มันดี ดูเป็นทางการเท่าไหร่ เพราะจุดประสงค์คือ อยากให้กลับมาเขียน Blog อีกครั้ง และเขียนเพราะอยากเขียนจริงๆ แต่ถ้ามันแต่เรียบเรียงคำพูดสวยๆ คงหมดแรงก็ที่จะได้เขียนออกมาแน่นอน

ส่วนใครจะอ่านไม่อ่านนั้น ให้บอกกับตัวเองไว้เสมอว่า ที่นี่คือที่ถ่ายทอดสิ่งที่เรามีต่อไพ่ และอาจจะรวมถึงศาสตร์อื่นๆที่อยู่ในวงการนี้ บางครั้งอาจจะไปขัดความเชื่อใคร ตรงนี้ก็ต้องระวังเอาไว้หน่อย

เดิมทีเป็นคนที่ชอบค้นคว้า หาข้อมูลมายืนยันว่าสิ่งที่เราเชื่อนั้นจริง เพราะงั้นบางทีกว่าจะได้มาเขียนอะไรซักเรื่อง ก็หมดเวลาไปกับการค้น หรือคุ้ยหาข้อมูลซะนาน เพราะฉะนั้นการเขียนต่อจากนี้คงเป็นอะไรที่ผสมปนเปไปหมด แต่ก็จะพยายามเรียบเรียงให้มันดีๆเข้าไว้ละกัน

กะว่าจะเขียนนิดเดียว ดันเขียนมาซะเยอะมาก เอาไว้แค่นี้ก่อนละกัน คราวหน้าจะเขียนเรื่องของตัวเองว่าที่ไปที่มาของการเข้ามาในศาสตร์ดูดวง หมอดู ดูไพ่ หรืออะไรก็แล้วแต่ มันเริ่มมายังไง เป็นการเตือนตัวเองทางอ้อมว่า เอ็งเดินมาไกลมากแล้วนะ 555555

จบแบบนี้เลยละกัน ไม่อยากหาคำพูดสวยหรูมาใส่ 55555