The Fool เริ่มใหม่แบบไม่มีอะไรเลย

สวัสดีปีใหม่ ปี 2018 เป็นอีกหนึ่งปีที่ผ่านไปแบบงงๆ ไม่น่าเชื่อว่าปี 2017 นั้นมันจะผ่านไปเร็วขนาดนี้

ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ค่อนข้างที่จะทุ่มเทในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่อง Tarot ในปีที่ผ่านมาก็ได้ศึกษาเรื่องเกี่ยวกับไพ่มาตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความหมาย เทคนิค การวางไพ่ แม้แต่เทคนิคความสัมพันธ์ของเลข ธาตุ และโหราศาสตร์ ยิ่งทำให้รู้สึกว่า Tarot มันมีอะไรให้ศึกษาเยอะมากจนบางทีแทบจจะจับทางไม่ถูกว่าเรื่องไหนเชื่อมกับเรื่องไหน หรือพอศึกษาจบแล้วก็ไปต่อไม่ถูกว่าต้องรู้อะไรต่อ

แต่พอได้ศึกษาอะไรมาเยอะ ก็เริ่มมีคำถามเดิมๆที่เคยคิดไว้เมื่อนานมาแล้วว่า แล้ววิธีไหนได้ผลสุด แบบไหนแม่นสุด พอลองใช้สิ่งที่ศึกษามา เคร่งครัดในหลักการ มันก็ได้ผลออกมาที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บางครั้งมันก็ทำให้เรายึดติดจนอ่านไพ่ไม่ออกเลยก็มี แล้ววิธีที่ศึกษามาเพิ่มนี้มันใช้ได้จริงหรอ

จนมานึกถึงวันแรกๆที่เริ่มอ่านไพ่ วันที่ไม่มีหลักการอะไรเลย แต่มันกลับทำให้การอ่านไหลลื่นแบบไม่ติดขัด หรือว่าการที่ไม่ยึดติดกับอะไรมันจะดีกว่า

หากเปรียบเทียบกับไพ่ Major ทั้ง 22 ใบ ตอนนี้ก็คงคิดว่าอยู่ที่ The World มันตัน มันมีกรอบ เรารู้ว่ามันมีเทคนิคที่สวยงาม และน่าใช้มากมายอยู่รอบตัว แต่เราจะใช้มันอย่างไรไม่ให้มันรัดตัวจนขัดขวางการอ่านไพ่ของเรา

พอลองมองไพ่ และลองนึกต่อไป เหมือนเคยอ่านที่ไหนซักที่ว่า The World นั้นเป็นจุดสิ้นสุดของสิ่งที่เราทำอยู่ มันไม่ใช่จุดสิ้นสุดจริงๆ มันเป็นปลางทางที่พร้อมจะให้ต้นทางของเส้นทางอื่นมาเชื่อมต่อให้เราเดินต่อไป เปรียบเหมือนวันสิ้นปี ที่ไม่ได้จบแล้ววันเวลาหายไป แต่เป็นวันที่พร้อมที่จะให้วันต้นปีของปีถัดไปมาเชื่อมต่อให้เราดำเนินชีวิตต่อไป

บางทีปีที่แล้วอาจจะเป็นจุดสิ้นสุดของการศึกษาเทคนิคต่างๆ เพื่อให้ปีนี้กลับมาเป็น The Fool อีกครั้ง เริ่มต้นในแบบของตัวเอง เริ่มต้นโดยไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องเคร่ง ปล่อยให้สัญชาตญาณเป็นตัวดึงเทคนิคเหล่านั้นออกมาเอง

เอาล่ะ ลองกันใหม่ ลองออกจากกรอบอันสวยหรูของ The World และมาเดินทางแบบ The Fool กันใหม่

แบบไม่มีอะไรเลย….

Screenshot_20170715-222052

Other : บันทึก ณ จุดเริ่มต้น

ย้อนกลับไปเมื่อสมัยยังเด็กๆ ตอนนั้นยังเป็นเด็ก Nerd ธรรมดาที่ชอบอ่านหนังสือ ทดลองวิทยาศาสตร์ เล่นเกมไปเรื่อยตามประสาเด็กๆ เมื่อก่อนนั้นยังไม่มีความเชื่อแม้แต่เรื่องผี หรือเรื่องเวทมนต์เลยด้วยซ้ำ

แต่พอมาวันหนึ่งลุงได้พาไปที่ท้องฟ้าจำลอง แถวๆเอกมัน และได้ดูดาวในท้องฟ้าจำลองเป็นครั้งแรก พร้อมกับรู้จักระบบสุริยะ ทำให้เกิดความสงสัยในใจว่า พวกนี้มันคืออะไร แล้วมันต้องมี 9 ดวง (ไม่รวมโลก)คำถามอะไรต่อมิอะไรก็ผุดขึ้นเต็มหัวไปหมด

แล้วแถวๆนั้นก็ดันมีร้านหนังสืออยู่ จากการที่เป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วก็เลยแวะเข้าไปหาหนังสือที่เกี่ยวกับดาว อวกาศอะไรทำนองนี้ จากที่คาดหวังว่าจะได้หนังสือเกี่ยวกับดาวอย่างเดียว ดันได้หนังสือที่เกี่ยวกับโหราศาสตร์มาด้วยซะงั้น (ซึ่งหนังสือเล่มนั้นกะว่าจะถ่ายมาให้ดู แต่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้) เลยทำให้รู้ว่า นอกจากดาวที่เราเห็นในระบบสุริยะแล้ว ยังมีกลุ่มดาวอีก 12 กลุ่ม แถมแต่ละกลุ่มยังมีความหมายที่เกี่ยวกับการทำนาย การทายนิสัยอีกด้วย

นั่นคือจุดที่เริ่มรู้จักกับการทำนายโดยใช้ราศีเป็นครั้งแรก แต่เนื่องจากยังเด็กเลยไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเท่าไหร่ แต่ก็สามารถท่องชื่อดาว สัญลักษณ์ของดาว และราศีได้ครับทุกตัว แต่เขียนได้อีกด้วย

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

จากนั้นพอขึ้น ม.ต้น ก็เริ่มรู้จักเรื่องของเวทมนต์มากขึ้นผ่านหนังสือ Harry Potter ประกอบกับเจอเพื่อนที่ชอบเรื่องนี้เหมือนกันก็เลยได้รู้จักทั้งการประกอบพิธี คาถา และการทำนายแบบต่างๆ (ถึงแม้ตอนนั้นจะยังเด็กแต่ก็ดูจริงจังมากๆ 5555)

ตั้งแต่นั้นมาก็เลยชอบเรื่องการทำนายมาโดยตลอด โดยอุปกรณ์ชิ้นแรกที่ซื้อมาคือ หนังสือ “Book of answer” หรือชื่อภาษาไทยว่า “ที่นี่ มี คำตอบ”

IMG_20161023_213743

เป็นหนังสือที่ให้คำตอบแบบกว้างๆ ถ้าเปรียบง่ายๆคงเหมือนเซียมซี แต่ข้อความสั้นกว่ามาก เป็นหนังสือที่ใช้เวลาอยากได้คำแนะนำ หรือยืนยันคำตอบก็ใช้ได้เหมือนกัน

ชิ้นที่ 2 ที่ได้มาติดๆกันนั้นคือไพ่ RWS Tarot ของอาจารย์ขุนทอง ที่มากับหนังสือ “ตำรายิปซี ภาคพิศดารปี 2000” ตอนนี้หนังสือไม่รู้หายไปไหนแล้ว แต่ไพ่ยังเก็บรักษาไว้อยู่ เป็นไพ่ที่หนามาก และทนพอสมควร ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่เลย (ไม่น่าเชื่อว่า 17 ปีแล้ว 55555)

wp-1496935974500.jpg

แต่พอขึ้น ม.ปลายก็ไม่ได้แตะต้องของพวกนี้อีกเลย จะกระทั่งทำงาน นับเวลารวมก็ประมาณเกือบ 10 ปี (โอ้แม่เจ้า) ที่ได้กลับมาจับของพวกนี้อีกก็คงเป็นเพราะได้ไปดูดวงกับเพื่อนคนนึง แล้วเหมือนได้ความประมาณว่าอาจจะได้เป็นเจ้าสำนัก ร่างทรงอะไรพวกนี้ ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องการดูดวงหรือเปล่า แต่ก็ยังไม่มั่นในเท่าไหร่

พอกลับมาบ้านเลยคิดว่าลองหาดูซักหน่อย เผื่อยังไม่ได้ทิ้งไป เลยลองเดินไปที่ตู้เก็บของ (ที่เก่าและไม่ได้เปิดมานานมาก) พอเปิดปุ๊ปก็เจอปั๊ปเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือ “อืมมมม คงใช่แล้วล่ะ” เป็นการต้อนรับการกลับมาที่รวดเร็วดีจริงๆ

หลังจากนั้นก็ได้เริ่มศึกษาเรื่องไพ่อย่างจริงจัง(มากๆ) เนื่องจากเป็นคนชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว (แต่ไม่ค่อยไดอ่านไพ่ 5555) เลยได้รู้อะไรเกี่ยวกับไพ่เยอะมาก ทั้งด้านที่เกี่ยวกับการทำนาย และที่ไม่เกี่ยวกัน บางเรื่องก็ทำให้เราได้อึ้งเหมือนกันว่าสิ่งที่เราเคยเชื่อมา มันไม่ใช่เลย

ดังนั้น หลังจากที่ร่าย มินิประวัติการเข้ามาในวงการนี้ของตัวเองมาตั้งนานแล้ว หลังจากนี้อาจจะทยอยเขียนเรื่องไพ่ในแนวความคิดของตัวเองบ้าง บางทีอาจจะไม่ตรงกับในหนังสือ(ของไทย) หรือบางทีอาจจะไม่ตรงกับของใครเลยก็ได้ โดยส่วนตัวคิดว่าไพ่มันไม่ได้มีความหมายเดียว และมันยังมีเบื้องลึกเบื้องหลังอีกเยอะมากที่ต้องตามไปขุดมาศึกษา หวังว่าจะทำได้ครบทุกใบ (และอาจจะทุกสำรับ ถ้ามีกำลังพอ 555555)

ปล.หากใครที่เข้ามาอ่าน ก็ขอขอบคุณมากที่อ่านมาได้จนถึงตรงนี้ หลังจากนี้ไปคงไม่ใช่เรื่องของตัวผมเองละ จะเป็นเรื่องของไพ่มากกว่า ถ้าใครสนใจการเขียนแนวนี้ก็สามารถติดตามได้นะครับ 🙂

Other : เล่าให้ตัวเองฟัง

นานมาแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้มา update อะไรในนี้เลย วันนี้เลยมาเขียนอะไรนิดๆหน่อยๆ

เดิมทีที่ blog นี้กะว่าจะทำเป็นที่เก็บข้อมูลและเผยแพร่แนวคิดต่างๆที่เกี่ยวกับให้ให้คนอื่นได้รู้บ้าง แต่ทำไปทำมา แรงจูงใจเริ่มหดหาย ไม่รู้เพราะไม่มีคนมาอ่านหรือความสม่ำเสมอมันหดหายกันแน่ 55555

คราวนี้เลยคิดว่าคงต้องปรับเปลี่ยนวิธีกันอีกที คราวนี้อาจจะเป็นแบบเล่าเรื่องให้ตัวเราเองซะมากกว่า เอาสิ่งที่คิด หรือสิ่งที่นึกได้ในแต่ละวันมาทยอยเขียนลงไปบ้าง ถือว่าเป็นบันทึกประจำวันเลยก็ได้ หวังว่าคราวนี้คงสม่ำเสมอกว่าเดิมนะ 555555

จำได้ว่าเมื่อก่อนสมัยอยู่มหาวิทยาลัยนั้นชอบเขียน Blog มาก แต่หลังๆโดน Social Media อื่นๆดึงเวลาและความสนใจไปหมดเลย จากคนที่ขยันเขียนดันกลายเป็นคนขยันคิดอย่างเดียว (แถมไม่ลองลงมือทำด้วยนะ)

ครั้งนี้ตั้งเป้าหมายไว้กับตัวเองไว้เลยดีกว่าแบบง่ายๆ เขียนให้ได้อาทิตย์ละ 3 เรื่องก็ยังดี การเขียนอาจจะไม่มีความเป็นวิชาการเลยอยู่ก็ได้ เพราะอาจจะเป็นการคิดออกแล้วก็เขียนเลย อาจจะไม่มีการเรียบเรียงคำพูดที่มันดี ดูเป็นทางการเท่าไหร่ เพราะจุดประสงค์คือ อยากให้กลับมาเขียน Blog อีกครั้ง และเขียนเพราะอยากเขียนจริงๆ แต่ถ้ามันแต่เรียบเรียงคำพูดสวยๆ คงหมดแรงก็ที่จะได้เขียนออกมาแน่นอน

ส่วนใครจะอ่านไม่อ่านนั้น ให้บอกกับตัวเองไว้เสมอว่า ที่นี่คือที่ถ่ายทอดสิ่งที่เรามีต่อไพ่ และอาจจะรวมถึงศาสตร์อื่นๆที่อยู่ในวงการนี้ บางครั้งอาจจะไปขัดความเชื่อใคร ตรงนี้ก็ต้องระวังเอาไว้หน่อย

เดิมทีเป็นคนที่ชอบค้นคว้า หาข้อมูลมายืนยันว่าสิ่งที่เราเชื่อนั้นจริง เพราะงั้นบางทีกว่าจะได้มาเขียนอะไรซักเรื่อง ก็หมดเวลาไปกับการค้น หรือคุ้ยหาข้อมูลซะนาน เพราะฉะนั้นการเขียนต่อจากนี้คงเป็นอะไรที่ผสมปนเปไปหมด แต่ก็จะพยายามเรียบเรียงให้มันดีๆเข้าไว้ละกัน

กะว่าจะเขียนนิดเดียว ดันเขียนมาซะเยอะมาก เอาไว้แค่นี้ก่อนละกัน คราวหน้าจะเขียนเรื่องของตัวเองว่าที่ไปที่มาของการเข้ามาในศาสตร์ดูดวง หมอดู ดูไพ่ หรืออะไรก็แล้วแต่ มันเริ่มมายังไง เป็นการเตือนตัวเองทางอ้อมว่า เอ็งเดินมาไกลมากแล้วนะ 555555

จบแบบนี้เลยละกัน ไม่อยากหาคำพูดสวยหรูมาใส่ 55555